วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

คุณหลอก ปลา



คุณหลอก ปลา 


ภาพจากข่าว http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/742532

ภาพจากข่าว http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/751619


อ่านเรื่องราวในหน้าข่าว เรื่องที่ส่งมาตามกลุ่มต่างๆ ที่ระยะนี้ ชักชวนกันให้ไปรวยแบบทางลัดกัน ให้เงินทำงาน เอาเงินลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีตัวตน ลงพันจะได้หมื่น เอาลงหมื่นจะได้แสน ซื้อของชิ้นนึง มีเงินปัน ครึ่งนึง มีลูกสาย ปลายสาย ท้ายสาย ก็ยิ่งมีหลายสาย หลายชั้น เงินมากขึ้น เห็นแล้วก็นึกถึงเรื่องราวที่เคยอ่านในชาดกเลยต้องไปพลิกหนังสือ ชาดก อ่านเรื่องเก่า

ทำไมมันช่างเหมือนของเก่าเสียจริง



รื่อง คุณหลอก ปลา 

เรื่องก็มีอยู่ว่า ประชาชนชาวหนองน้ำแห่งหนึ่ง อยู่กันอย่างมีความทุกข์ ความสุข สลับกันไป ตามแต่ธรรมชาติจะจัดสรรให้



ปีนี้ อากาศแห้งแล้ง ฝนไม่ตกทิ้งช่วงไป จนหนองน้ำแห่งนั้นกำลังจะเหือดแห้ง ประชาชน ปูปลา ก็เดือดร้อน กันถ้วนหน้า ไม่รู้ว่าจะรอดไปถึงปลายเดือนปลายปีไหม


อะไรที่เคยไปมาสะดวก ก็ยากลำบาก ติดเลน เกยตื้น อาหารการกินไม่ต้องพูดถึง เมื่อไปมาไม่สะดวก การไปออกล่าหากิน ก็ยากลำบาก หาไม่พอกิน พากันหิวโหย ยิ่งการดูแลจากหัวหน้าสระที่แย่งชิงอำนาจ เป็น หนองน้ำธิปัตย์ ดูแลเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ก็เริ่มหมดอำนาจ เพราะธรรมชาติลงโทษ เดือดร้อนเจียนตายกันไปหมด


หนองน้ำ... นะ จะไปไหน


ในขณะที่ประชาชนชาวหนองน้ำกำลังย่ำแย่ เหนื่อยหน่าย สิ้นหวัง อยู่นั้นนั่นเอง ก็ มีนกยาง ตัวหนึ่ง บินผ่านมา

มันเล็งเห็นช่องว่าง ระหว่างรอยหยักของสมอง ประชาชาชนชาวหนองว่ากำลังต้องการความช่วยเหลือ


เมื่อเราเป็นสัญชาตินก ก็ต้องช่วยเหลือกันหน่อย

คิดแล้ว ก็บินลงตรงไปที่ปากหนองน้ำนั้น. ทำทีเป็นยืนสงบนิ่ง สลับทอดถอนใจ ประชาชนปลาปู เห็นตั้งแต่ต้น ก็เกิดความสงสัย แต่ด้วยความเป็นศัตรูในห่วงโซ่อาหาร ก็กล้าๆกลัวๆ

เมื่อนกยางเห็นปลาใจกล้า ให้ความสนใจในท่าทีที่ตนแสดงออก ก็เลยพูดลอยๆ ไปว่า “ น่าเสียดายปลาพวกนี้ จะตายหมด ทั้งๆ ที่สระน้ำใกล้ๆ นี้ก็มีน้ำเต็มน่าอยู่อย่างยิ่ง น่าเสียดาย น่าเสียดาย” 



ปลานักแชร์ ได้ยินดังนั้น ก็เอาไปแชร์กระจาย จนสังคมชาวประชาชาวหนองเกิด ความคิดกันไปต่างๆ นาๆ


ถึงกระทั่งเห็นทางรอดของชีวิตรำไรๆ

จึงส่งตัวแทน ไป ฟังข้อเสนอของนกยางอย่างเป็นทางการ

นกยางเห็นคำพูดของตน ได้รับการสนใจแล้ว ก็ปล่อยมุกต่อไป ว่า เมื่อเราบินผ่านมาไม่ไกลจากที่นี้ เราเห็นสระน้ำกว้างใหญ่ มีบัว มีร่มไม้ มีน้ำลึก ไม่แห้งเหือดในระยะนี้แน่. มีนั่น มีนี่ มีโน่น มีอีก... ปรี๊ดๆๆ  (เสียงนกหวีดร้อง) เยอะแยะเลย นกว่า


ปลาตัวแทนฟังแล้วก็เคลิ้ม เหมือนได้รับการคืนความสุขมาทีละนิด


นกยางก็พูดต่อไปว่า “ข้าบำเพ็ญตนอยู่ช่วงนี้ เห็นพวกเจ้าเดือดร้อน อะไรที่ข้าพอช่วยพวกเจ้าได้ เพื่อคืนความสุขให้พวกเจ้า ในฐานะที่พวกของข้าเคยข่มเหง กินพวกเจ้ามามาก ข้าก็อยากช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากทุกข์ เช่น เป็นผู้นำพวกเจ้าไปสู่สระน้ำ แม้ว่าจะลำบากบินคาบพวกเจ้าไป ข้าก็ยินดีทำ พวกเจ้าไม่ได้เชิญข้ามา แต่ข้าก็อยากทำ ไม่หวังอะไรจากพวกเจ้าหรอก ถ้าเจ้าไม่ไว้ใจข้า ก็ส่งตัวแทนมา เดี๋ยวข้าจะพาไปดู”


ปลาผู้แทน ก็นำเรื่องที่นกยื่นข้อเสนอไปสู่ สภาประชาชนปลาปู แห่งหนองน้ำนั้นทันที เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน มิอาจชักช้าได้


สภาฯก็มีเสียงถกเถียงเพราะไม่ไว้วางใจ ในที่สุดก็เสนอปลานายแพทย์ เพราะมีการศึกษา เนื้อตัวเกล็ดแข็ง ทนอากาศ ให้ไปเซอร์เวย์ดู

เจ้านกยาง ก็ดีใจ ที่ประชาชนปลาปูหลงเชื่อ คาบปลาหมอ บินไปไม่ไกลก็ถึงสระน้ำ ก็ปล่อยปลาหมอให้ได้แหวกว่ายไปในสระนั้น

ตนก็ยืนดูนิ่งๆ ทำท่าทีดีใจ แล้วก็พาปลาหมอบินกลับมาที่เดิม


ปลาหมอเมื่อไปเห็น ได้ลิ้มรส สัมผัส แหวกว่าย แล้วก็ ส่งเสียงสนับสนุน ยืนยันต่อสภาประชาชนปลาปู รับรองให้กับนกยางเต็มที่ 



ตั้งแต่วันนั้น นกยางก็ไม่ต้องลำบากหาเศษหาเลยที่ไหน ปลาทั้งหลายก็มาใช้บริการ เดินทางไปสู่ภพหน้ากันถ้วนทั่ว กลายเป็นอาหารของนก จนหมดหนองน้ำนั้น


เหลือเพียงเจ๊ปูตัวเดียวที่สังเกตุอาการ ของ นกยางแล้วก็ไม่เคยเชื่อถือ แม้จะยกก้ามคัดค้านอย่างไง เสียงส่วนใหญ่ก็ไม่เอาด้วย ยังยินดีเดินทางไปเป็นอาหาร เจ้านกนั้น 



เมื่อปลาหมดไปจากหนองน้ำนั้นแล้ว นกยางก็ทำทีเป็นนกดี จะเล่นเจ๊ปู

เจ๊ปูไม่เคยไว้ใจเจ้านกยาง คิดอุบายได้ ก็บอกเจ้านกยางว่า

ข้าวที่จำนำไว้..​เอ้อ. ผิดเรื่อง

"กระดองของข้า มันแข็ง ถ้าเจ้าคาบไว้ไม่ดี ข้าอาจตกมาตายได้ ขอให้ข้าเป็นคนออกแรงในการเกาะเจ้าไป ถ้าเผื่อข้าต้องตกลงมาตาย เจ้าจะได้ไม่ต้องโทษตัวเอง"

เจ้านกยาง คิดจะกินไม่ระวังตัว ก็ตกลงข้อเสนอ ให้ปูหนีบคอไป


พอถึงใกล้หนองน้ำ เจ้านกก็บินร่อนลง ตรงที่ที่เป็นเหมือนครัวของนกยาง แต่เป็นแดนประหารของปลาทั้งหลาย เป็นที่กินปลาทั้งหนองน้ำ

"นังปูเอ๋ย เอ็งคิดว่าข้าจะพาเจ้าไปสระน้ำหรือไร ที่ตรงนี้แหละจะเป็นที่สุดท้ายบนโลกนี้ของเอ็ง"

"อ้าว..ไอ้นกยาง เอ็งพูดอะไร เอ็งจะไม่พาข้าไปสระน้ำ แน่ใจใช่ไหม"

"แน่ซิวะ ข้ากินพวกเอ็งจนหมดประเทศหนองน้ำแล้ว เอ็งไม่รู้เหรอ ปัดโธ่ "



ว่าแล้วนกยาง ก็แสดงอำนาจ พยายามใช้ปาก ใช้เท้า แต่ ก้ามปูที่หนีบคออยู่นั้นทรงพลานุภาพกว่า


"ไอ้นกขี้จุ๊ใจร้าย เอ็งนี่มันจั๊ดง่าวแต๊ๆ เอ็งจะกินข้า ไปได้อย่างไง ในเมื่อข้าบีบคอเอ็งไว้อย่างนี้ เอ็งบินพาข้าไปสระน้ำเดี๋ยวนี้ " เจ๊ปูต่อว่า


แล้วเจ๊ปูก็เพิ่มแรงบีบ จนนกยางลิ้นจุกปาก รีบทำตามแต่โดยดี

เมื่อไปถึงที่แล้ว เจ๊ปูก็นึกถึง ประชาชนชาวปลาปูทั้งหมด ที่สังเวยให้กับคำหลอกลวง ความไว้วางใจ ความหวังลมๆแล้งๆ ที่จะได้สิ่งที่ดีกว่า ที่เป็นอยู่ จากคำพูดของนกพาล
นึกไปก็แค้น ก็เค้นก้ามปู แค้นมาก เค้นมาก บีบเข้าไป บีบเข้าไป  บีบแน่นเกินไป

รู้สึกตัวอีกที นกยางก็สิ้นใจ ไปแล้ว


ผู้เห็นเหตุการณ์ครั้งนั้น คือ รุกขเทวาที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ เห็นแล้วจึงกล่าวคาถาว่า “ผู้ใช้ปัญญาหลอกลวงผู้อื่น ย่อมพบกับความทุกข์ เช่นนี้แล”



ข้อคิด

1. เมื่อมีปัญญาควรใช้ในทางที่ถูกต้อง

2. อย่าคิดว่าคนอื่นจะรู้ไม่ทันตนเอง

3. อย่าเห็นแก่ความสบายโดยลืมความเป็นจริง

4. อย่างเชื่อคนง่าย


ปัจจุบันนี้ เราก็คงพบเห็นคนอย่าง นกยางมากมาย ที่คอยหากินกับความเชื่อใจ ความรู้สึกศรัทธาของพวกเรา บางครั้งก็อาศัยความทุกข์ยากของพวกเรามาเป็นตัวล่อ วาดภาพอนาคตอันสวยหรู ให้เราฝันกันไปวันๆ




บางทีเราก็เจอกับพวกที่ หลอกล่อให้ลงทุน มาด้วยมาดของผู้ดี มีศักดิ์ มีฐานะ ให้ลงทุนด้วยเงินเล็กน้อย ให้เงินทำงาน แล้วเราก็รับปันส่วนแบ่งเป็นงวด เริ่มแรกทุกคนก็กลัวโดนหลอก แต่คนที่ตั้งใจจะหลอกแบบกินรวบ ก็ฉลาด หาปลาหมอสักตัว ให้ได้รับรางวัลไปก่อน เช่น จ่ายเงินปันผลก้อนโต ให้ได้ตามที่พูดที่บอก แก่คนกลุ่มที่เป็นปากเป็นเสียงให้ได้ หรือหาคนที่เคารพนับถือของคนอื่นๆ ให้ได้รับผลประโยชน์ไปด้วย ก็กลายมาเป็นปากเสียงแทน เหมือนปลาหมอในเรื่อง 




เมื่อปลาหมอทำงาน ไปรับรองให้กับนกยางแล้ว มีกี่กลุ่ม ไม่ว่าคนใกล้คนไกล ก็เริ่มหลอกกันต่อไป ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเจอกับสิ่งที่ตนปรารถนา ซึ่งในที่สุด ก็จะตกเป็นเหยื่อของนกยางร้ายนั้นนั่นเอง


มีเท่าไหร่ ก็หมด

สังคมของเราจะมีเจ๊ปู ที่กล้าไปหนีบคอนกยางอย่างนั้น สักกี่คนกัน แล้วจะต้องรอให้หมดบาง ก่อนหรือไร ถึงจะรู้ตัวกัน


บางทีก็รู้ว่าโดนหลอก แต่เมื่อผลประโยชน์ยังมีความหวัง ก็เต็มใจให้เค้าหลอก แล้วก็ไปหลอกต่อกันไป เงินผ่านมือ ก็ติดมือไป อะไรทำนองนี้ 





ดังนั้น พวกเราคนวัด เข้าวัดมาแล้ว ก็จงพิจารณาในการทำสัมมาอาชีพให้ดี อย่าไปคิดว่า เงินที่มาอย่างง่ายๆ แบบแปลกๆ นั้น จะเป็นเรื่องดีงาม ถ้าเราพบเห็นว่าส่ิงที่เราทำนั้น มันเข้าข่ายของความไม่ปกติ ก็ถอนตัว เลิกเสีย

เสียน้อย ก็ยังดีกว่าเสียมาก ให้หยุดอย่าไปยุ่งกับลูกโซ่ ของการหลอกลวงนี้เถิด




สร้างบุญ สั่งสมบารมีกันต่อไปดีกว่า

เอวํ

วิ. 26 เมษา 60
(ความเดิมจากนิทานชาดก พกชาดก  นกยางกับปู  เรียบเรียงเพิ่มคำนิดหน่อย) 







วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2560

รถด่วนขบวนสุดท้าย



รถด่วนขบวนสุดท้าย



วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น ไม่ใช่แค่เย็น แต่มันหนาวเสียดกระดูก ลมพัดแรง กรีดเข้าไปผ่าน ผ้าที่ห่อหุ้มกาย

มองนาฬิกาที่ ติดมาคู่กับสถานีรถไฟแห่งนี้ แล้วคงเก่าแก่พอๆกัน อายุน่าจะอยู่ในยุคสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

เหลือเวลาอีก ห้านาที รถด่วนขบวนสุดท้ายของวันนี้ ถึงจะมา ถ้าพลาด ก็ต้องมาใหม่พรุ่งนี้ 



รถไฟที่ประเทศนี้ ไม่ค่อยจะผิดเวลา แม้จะมีหิมะตกบ่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยมีเหตุอะไรที่จะทำให้รถไฟช้า นับกันเป็นนาที ตรงเป๊ะ

เหลืออีกหนึ่งนาที ก็เห็นหัวขบวนรถวิ่งเข้าสถานีมา เมื่อผู้โดยสารลง และขึ้นหมด ในช่วงเวลา ไม่ถึงนาที รถด่วนขบวนนี้ก็ออกจากสถานี เดินทางไปสู่จุดหมาย

นั่งดูวิวข้างทางเพลิน มาสะกิดใจ คำว่า “ รถด่วนขบวนสุดท้าย”

เพราะคำนี้เมื่อหลายปีก่อน พวกเราชาววัดนำมาเปรียบเทียบกับหมู่คณะของเราว่า เป็นรถด่วนขบวนสุดท้าย


ขบวนที่จะนำพาหมู่คณะ ไปถึงฝั่งพระนิพพาน

ไม่ได้หมายความว่า พวกเราเป็นพวกเดียวที่จะพาสรรพสัตว์ไปได้ ไม่ใช่ ไม่ใช่เช่นนั้น

ก็คงมีอีกหลายสถานี หลายขบวนที่จะพาสรรพสัตว์ ไปให้ถึงฝั่งพระนิพพานได้

แต่ที่เราเปรียบเทียบนั้น หมายถึงว่า พวกเราชาววัดมารวมกันก็เพียงเพื่อทำความดี มุ่งมั่นไปให้ถึงเป้าหมายของพวกเรา

เราอาจจะไม่คิดเหมือนหมู่คณะไหนๆ แม้ว่าจะมีเป้าหมายเดียวกัน คือทำกิเลสให้หมด ให้พ้นจากห้วงทุกข์ ส่วนนิพพานที่เราจะไปหน้าตาจะเป็นเช่นไร ก็ไม่มีใครทราบ แต่เราก็เชื่อ ปัญญาการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ว่า ณ ที่สุดตรงนั้นเป็น สุขอย่างยิ่ง. เป็นเป้าหมายของชาวพุทธทุกคน


เรายังมีใจที่คิดว่า ความทุกข์ในโลกนี้ มันมากมาย ถ้าเราจะเอาสรรพสัตว์เข้าพระนิพพานไปก่อนให้หมด แล้วพวกเราจะเข้าเป็นชุดสุดท้าย

เป็นขบวนสุดท้าย คิดแบบนี้ที่จริงเป็นความคิดที่ต้องใช้บารมีอย่างมาก ทั้งขันติ ทั้งปัญญา

เพราะเราไม่ได้คิดจะเอาตัวรอด หรือเอาแค่หมู่คณะรอด แต่เราจะขนสรรพสัตว์ไปให้หมด ทุกชีวิต รื้อภพ รื้อสังสารวัฏกันไปเลย



คิดได้ แต่ จะทำได้ไหม อันนั้น ก็เรื่องในอนาคต เราไม่รีบ


พวกเรา ชวน พวกเรา

ขึ้นรถด่วนขบวนสุดท้าย

ของ พวกเรา

เพื่อไปตามทางของ พวกเรา

ทำอย่างที่ พวกเราอยากทำ

เพื่อประโยชน์ ความสุข

ของตน หมู่คณะ และสรรพสัตว์ 




พวกท่าน อ่านถึงตรงนี้แล้ว มีทางเลือกคือ ท่านสังเกตุการณ์ บนรถด่วนกับพวกเรา

หรือ ไม่เป็นไร 
ท่าน ก็ วน เวียน ตายเกิด ไปตามปกติ 
อย่างไรเราก็ไม่ทิ้ง ท่าน 
สักวันหนึ่งเราจะกลับมาช่วย ท่าน 
ให้พ้นสังสารวัฏนี้ไปให้ได้ละกัน

ช่วงนี้ ท่าน ก็ปล่อยให้พวกเราทำหน้าที่ ตามปณิธานของพวกเราสักหน่อยนะ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครหรอกนะ ไม่เจ็บๆ

ตกลงตามนี้นะ

วิ. 
14 เมษายน 60