วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เมื่อใจไร้พรมแดน



เมื่อใจไร้พรมแดน
โลกใบนี้ไม่เคยมีเจ้าของ


ปลายฤดูร้อน ปี 59เมื่อใจไร้พรมแดน
โลกนี้ไม่เคยแบ่งแยก 

อะไรที่แบ่งแยก
ตั้งแต่ตั้งกัปป์ขึ้น คือเมื่อโลกได้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา จากการทำลายล้าง ไปรอบแล้วรอบเล่า เมื่อเกิดมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย มารวมกันอยู่ แผ่นดินนี้ก็ยังเป็นแผ่นดินเดิม ภูเขา ต้นไม้ ใบหญ้า ก็ยังเป็นเช่นเดิม  สายธาร ท้องฟ้า ก็ยังคงเดิม  ทำไมจะต้องขีดเส้นแบ่งแยก  แผ่นดิน  ทะเล ภูเขา แม้แต่น่านฟ้าก็ยังถูกแบ่ง



เพราะแค่ความรู้สึกที่รังเกียจกัน  
เพราะแค่ภาษาที่สื่อสาร แตกต่างกัน
เพราะอาหารที่ทานแตกต่าง
เพราะ......​แตกต่าง
เพราะความคิด ที่แตกต่าง

แล้วทำไมถึงคิดต่าง   ก็เพราะเราตกลงไปในกระแสกิเลส  ความต้องการที่ไม่สิ้นสุด เราไม่ได้เห็น ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็นอย่างที่มันเป็น   แต่เราเพียงแค่อยากให้มันเป็นอย่างที่เราอยากให้มันเป็น   

รวมทั้งเราอยากให้คนอื่น สิ่งอื่น เป็นอย่างที่เราอยากให้มันเป็น  เราจึงพยายามบังคับ ปรับเปลี่ยนไปตามใจเรา 




ได้ยิน ท่านผู้เป็นนักปฏิบัติท่านหนึ่ง กล่าวว่า  คำว่า อวิชชา  ที่เรามักแปลว่า ความไม่รู้ ที่เราทราบว่า เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งหมดทั้งมวล

มันไม่น่าใช่ แค่ความไม่รู้   ถ้าเราใช้การแปลเปรียบเทียบ คำว่ามนุษย์ กับ อมนุษย์  ไม่ได้แปลว่าไม่มี แต่แปลว่า ไม่ใช่

อวิชชา ถ้าแปลว่าไม่ใช่วิชชา   วิชชา คือ การหลุดพ้น    เมื่อสิ่งที่ตรงข้ามการหลุดพ้น ก็คือ ขั้นตอน ขบวนการที่จะให้เราไม่สามารถไปถึงซึ่งความหลุดพ้น  

เมื่อวิชชา เป็นขั้นตอนวิธีการ เพื่อการหลุดพัน เป็นของฝ่ายพระ
อวิชชา ก็เป็นขั้นตอน ระบบ การดำเนินการ เพื่อขัง สรรพสัตว์ไว้ใน สังสารวัฏฏ เป็นของฝ่ายมาร

มารไม่ได้ไม่ทำอะไร  แต่ทำ อวิชชา เป็นขั้นตอน ระบบ  
ไม่ได้มึนๆ แต่ทำเรื่องราววุ่นวาย ขัดขวางพระทุกรูปแบบ ทุกทาง ทุกที่ ใส่ความ ใส่ร้าย ใช้กฏหมู่ กฏหมาย พยานเทียม  มารทำและทำตลอดเวลา





ในสังคมยุคปี 59 นี้  การแตกแยก  ทางความคิด วัฒนธรรม แบ่งฝ่าย แบ่งพวก  ชัดเจน  เหมือนน้ำมันกับน้ำไม่ปะปนกัน แม้จะเดินปนเปกันไปมา แต่ก็ไม่ปนกัน 

หลับตา ทำใจหยุดนิ่ง ให้ใจตกตะกอน  
ให้มองผ่านม่านหมอกของอวิชชา ออกไป มองไปทุกสิ่ง ให้เห็นสรรพสัตว์  สรรพสิ่ง ตามความเป็นจริง ตามที่มันเป็น 

คน  ก็ แค่หุ่นเชิดของ  ความดี กับความชั่ว  อยู่แต่ว่า ใจจะเปิดรับฝั่งไหน
ตอนนี้ มันสับสนทางความคิดเหลือเกิน  มากเกินไป

ไม่น่าเชื่อเลยว่า เมื่อทุกคนมีความคิดตรงกัน สามารถทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้ขนาดนี้
ตรงกัน ใช่ ตรงกัน  อย่างเดียวกันเลย  ทุกฝ่ายต่างก็คิดว่า
ฝ่ายที่อยู่ตรงข้าม มันเลว มันผิด มันต้องหายไปจากโลกนี้

ถ้าคิดตรงกัน แบบนี้ ก็เป็นการคิดแบบ อวิชชา เป็นขั้นต้นของการทำลายล้างให้พินาศไป  แต่คิดกลับเข้ามา ว่า ฝ่ายตัวเรานี่เอง ที่มีปัญหา  มีความเลว มีความไม่ดี  ที่จะต้องแก้ไป ปรับปรุง ไม่ใช่ ใคร   ตัวเราเอง จักรวาลนี้ อยู่ในตัวเรา  จะให้สังคม โลกนี้เป็นเช่นไร เราทุกคน ทำได้ โดยเริ่มที่

ตัวเรา

เดินตามทางสายวิชชา 
หลับตา  สงบใจ  เดินทางสายกลาง  ที่เดินกลางเรื่อยไป   เมื่อทุกข์ มีเหตุคือความอยาก มีอวิชชาอยู่เบื้องหลัง  ทำใจให้สงบ ทิ้งนิวรณ์ทั้งหลาย ให้ไปถึงหนทางสายกลางอันประเสริฐ ที่มีความถูกต้องทั้งแปดเป็นผลที่ให้รอผู้ไปถึงเสพรส แห่งธรรมอันประณีต 

หลับตา  พรมแดนก็หายไป  ความขุ่นเคือง ความเกลียดชัง ก็หายไป
หลับตา หยุดใจ เดินสายกลาง ที่อยู่กลางของกลาง เรื่อยไป

ความไม่เข้าใจ ก็ เป็นความเข้าใจ  
ความเกลียด ก็เป็นความเมตตา
ความไม่เข้าใจด้วยภาษาพูดก็เข้าใจกันด้วยภาษาใจ  

การคิดแบบเดียวกัน ที่มองเข้าหาตัว ก็นำไปสู่ความสงบสุข
คิดให้ตัวเรามีความเมตตา  คิดให้คนอื่นมีความสุข  

จะเอาอย่างไง  จะให้ร้อนไหม้ กันไปจนหมด ก็ทำอย่างที่กำลังทำเถิด
แต่ถ้าต้องการให้เกิดความ สงบ ร่มเย็ม ก็จงหยุด แล้วค่อยๆ พิจารณา เถิด

ท่านผู้สวม อำนาจ เหมือน หมาป่าสวมหนังราชสีห์ 
วางลง ก็ ปลงได้  นำความเจริญกลับมาเถิด  



ก่อนที่ อวิขขา จะเฟื่องฟู ทุกผู้คนจะตกลงไปในระบบของ อวิชชา มือมาร..... 

วิ. 6 กค.59

6 ความคิดเห็น:

  1. ยุคทรยศความดี กบฎความดี ด้วยอดีตคนดีใช่หรือไม่

    ตอบลบ
  2. อนุโมทนาบุญกับบทความDDเจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  3. อนุโมทนาบุญกับบทความDDเจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  4. หยุดเพื่อมองอละแก้ไขตนเองเลิกคิดทำลายล้างเถิด

    ตอบลบ
  5. โลกใบนี้ เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราว ไม่มีใครเป็นเจ้าของอย่างถาวร สมบัติผลัดกันชม ใครมีบุญก็ได้ครอบครองสมบัตินั้นๆ ตามกำลังบุญ เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง วันหนึ่งก็ต้องละจากโลกนี้ไปสู่ปรโลก ไม่ยกเว้นใคร และโลกนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นตลาดกลางค้าบุญค้าบาป ดังนั้น บัณฑิตนักปราชญ์ท่านจึงกล่าวว่า "สูเจ้าจงดูโลกดุจดังราชรถอันวิจิตรตระการ ที่คนเขลาหมกมุ่นอยู่ แต่ผู้รู้หาข้องอยู่ไม่" อำนาจต่างๆ ก็มีไว้เพื่อสร้างบุญบารมี และเปรียบเสมือนดาบ 2 คม !!! จึงต้องใช้ด้วยความระมัดระวังรอบครอบด้วยคุณธรรมฯ

    ตอบลบ
  6. ขอขอบพระคุณกับบทความดีๆๆ โชคดีที่ได้อ่าน

    ตอบลบ