พวกเราก็แค่เป็นชาวพุทธ. เฉยๆ
เราไม่เคยต้องการคำต่อท้าย ความเป็นพุทธของพวกเรา ว่า แท้ ว่าเทียม ว่าอะไร ทั้งสิ้น เราเพียงรู้ว่า พวกเราเป็นชาวพุทธ มาตั้งแต่บรรพบุรุษ ที่สร้างชาติ รักษาพระศาสนามาถึงพวกเรา
เราก็แค่ มาศึกษา พระไตรปิฏก ก็คัมภีร์ที่ทุกฝ่ายอ้างกันนั่นแหละ
เราก็แค่ ทำทานจริงๆจังๆ
เราก็แค่ รักษาศีลจริงๆจังๆ
เราก็แค่ ทำสมาธิเจริญภาวนา จริงๆจังๆ
เรื่องที่เขียนในพระไตรปิฏก เราก็พิสูจน์ ไปตามนั้น ด้วยกาย ใจ ของเรา
แล้วเราก็เกิดศรัทธา เชื่อในประสบการณ์ ต่างๆ ที่เราพบแล้ว พบอีก จนเชื่อมั่นว่า สิ่งต่างๆ ที่มีมาในพระไตรปิฏกนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง นรก สวรรค์ ภพภูมิ ต่างๆ
“เป็นจริง” ไม่ใช่ เพียงแค่เป็นตัวอย่างประกอบลอยๆ
ก็เราเชื่อแบบนี้ จากประสบการณ์ของพวกเรา
แล้วมันผิดตรงไหน
เราแม้ไม่ได้ชื่อ พุทธ. และไม่มีคำต่อท้าย ว่า แท้ หรือเทียม
แต่เราก็รู้ว่า เราเป็นพุทธ ที่มุ่งมั่นจะเดินตามทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งปวง พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ที่สร้างบารมีทั้งสามสิบทัศ
ความเป็นพุทธในตัวเรา มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มันเป็นชีวิต เลือดเนื้อ จิตใจ ตัวตน วิญญาณ ของเรา
ตลอดหลายต่อหลายปี โลกที่วุ่นวายนี้ การบ้านการเมือง มีผลต่อการสร้างบารมีของพวกเรา เราช่วยกันหยุดยับยั้งเรื่องอบายมุข เพราะหวังว่าคนรุ่นต่อไปของพวกเราจะได้มาถึงวัดก่อนจะไปถึงร้านเหล้า แหล่งมั่วสุม ยาเสพติด
เราเห็นพระพุทธศาสนาที่เรารัก ศรัทธา ถูกย่ำยี ทางภาคใต้ เราอยู่ไกล ก็ส่งอาหารแห้ง ปัจจัย ไทยธรรม ลงไปให้กำลังใจ ตลอดทุกเดือน เป็นเวลา12 ปี ต่อเนื่องกัน
เราเห็นเด็ก เยาวชน กำลังเดินหลงไปในโลกแห่งความโสมม สกปรก ที่ผู้ใหญ่ผู้เห็นแก่ตัว หลอกล่อ ด้วยอบายมุข เพื่อความโลภ ปรนเปรอตัวเอง เราก็ทุ่มเท ทั้งเงินทอง กำลังไปชี้ผิดชี้ถูกให้แก่ เยาวชน ฝึกฝนให้เค้ารู้ดีชั่ว จะได้ดูแลตัวเองได้ ยามที่ห่างจากอกพ่อแม่
เราเห็นวัดใหญ่ๆ ในเมืองหลวง วัดเล็กๆ ในต่างจังหวัด พระ เณร แทบจะหมดวัด เหลือแต่สิ่งก่อสร้างที่บรรพบุรุษเราทิ้งไว้ เราก็ช่วยกันสร้างศาสนทายาท บวชพระทีละหมื่น ทีละแสน เหลืออยู่เท่าไหร่ ก็ส่งไปอยู่ในวัดร้าง ทำจนกลายเป็นวัดรุ่งขึ้นมา
พร้อมกันกับการเผยแผ่ศาสนพุทธ ให้ไปสู่ชาวโลก ทุกทวีป ให้ชาวโลกผู้ห่างไกล ได้รู้จักกับการปฏิบัติ ของชาวพุทธ
แต่เราไม่เคยสนใจว่าใครจะใส่ร้ายว่าร้ายเรา
แต่เราไม่เคยมาแก้ตัว แก้ต่างในคำเท็จเหล่านั้น
แต่เราไม่ได้เจ็บได้ปวดอะไรกับคำด่า ภาพตัดต่อ ความโง่เขลาเบาปัญญาของคนเหล่านี้
เราเห็นเป็นแค่ โลกธรรม มีสรรเสริญ ก็มีนินทา มียศ ก็มีเสื่อมยศ. ก็ปกติ ไม่แปลกอะไร
เพราะเรายึดหลักว่า เรื่องส่วนตัว ให้วางอุเบกขาแต่เรื่องพระศาสนา ต้องเอาอุเบกขาวาง
คือไม่ต้องไปอะไรกับเรื่องส่วนตัว มันมากนัก เดี๋ยวคนด่ามันเบื่อมันก็ไปด่าคนอื่นต่อ
แต่ถ้ามีใครจะทำลาย ทำร้าย พระพุทธศาสนาแล้ว เราก็เอาความนิ่งเฉยเหล่านั้น วางไว้ก่อน
เราจะรักษาพระศาสนาด้วย ลมหายใจ ด้วยกำลังกายของเรา
แม้ชีวิตนี้ เราก็ยกให้พระศาสนาได้ ใครจะมาทำลาย ทำร้าย พระศาสนาไม่ได้
อ้างกฏหมายที่คนมีกิเลส เขียนขึ้น มาทับ ธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ ที่พระเราใช้ปฏิบัติกันมายาวนาน แม้พระมหากษัตริย์ในอดีตก็รับเอาสิ่งเหล่านี้ไว้ จนมาถึงรุ่นเรา
แต่มาถึงยุคนี้ กลับมีกฏหมายเขียนขึ้นมาเพื่อทำลายพระศาสนาโดยตรง
กดขี่ข่มเหง พระสงฆ์องค์เจ้า ต้องการศาสนสมบัติ ลาภสักการะ
กฏหมายแบบนี้เราจะรับได้เช่นไร
เราก็คงเป็นคนดื้อของสังคม แต่นี่มันคือ ความถูกต้อง
เราแค่อยู่บนความถูกต้อง ที่เป็นจริง ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามอำนาจใคร
เราก็แค่อยู่บนความถูกต้อง ที่บรรพบุรุษเรารุ่นแล้วรุ่นเราเอาชีวิต เลือดเนื้อรักษามาให้
เราก็แค่ อยู่บนความถูกต้อง ที่เราจะทำเพื่อให้เป็นตัวอย่างไว้แก่ลูกๆ หลานๆ เราว่า
รุ่นเรานี้ แม้ตาย เราก็ไม่ทิ้งธรรม ไม่ทิ้งความถูกต้องยุติธรรม
ใครจะใช้อำนาจอะไร มาบังคับเรา แต่ไม่ถูกต้องซะแล้ว ก็อย่าหวังมาบังคับเราเลย
แม้ตายเราก็ไม่หวั่นอะไรนัก
ขอให้คนที่จะมาทำลายพวกเรา ทำร้ายพวกเรา แม้จะทำให้ตายหมดยกวัด ก็ตาม
เราก็ขอแผ่ส่วนบุญที่เราทำมาแล้ว แผ่เมตตา ให้ถึงกับเขาเหล่านั้น
อย่าให้กรรมอันชั่วช้านี้ ที่เค้าทำกับเราส่งผล ให้เป็นอโหสิกรรม
ขอให้เขาเหล่านั้น มีความสุข
ขอให้เขาเหล่านั้นพ้นทุกข์ทั้งปวง
ไม่ขอจองเวร จองกรรมกัน
หากในสังสารวัฏนี้ได้เจอะเจอกันที่ไหน ก็ขอความปรารถนาดีนี้ จงเกิดกับเขาเหล่านั้นทุกชาติไป
ขอพระพุทธศาสนาจงยืนยงคงอยู่คู่โลก ตราบกัลปาวสาน
ขอความถูกต้องความดี จงอยู่คู่โลกนี้
ขอความคิดที่เบียดเบียน เอาเปรียบ อวิชชา จงสลายหายไปถึงที่มา
ขอพระพุทธ จงเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า
ขอพระธรรม จงเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า
ขอพระสงฆ์ จงเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า
วิ.8 มีนา 60