วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ตำรวจ ทหาร พระ โจรใต้ วัดพระธรรมกาย

วันนี้ในไลน์มีพระรูปหนึ่ง ท่านเขียนข้อความว่า

"ไม่ทราบว่าทางราชการเขาจะรู้บ้างไหมหนอว่า
ในขณะที่พวกเขาเตรียมวางแผนสนธิกำลังเข้าบุกจู่โจมวัดพระธรรมกายนั้น
ทางวัดพระธรรมกาย 
ก็กำลังเตรียมพร้อมอยู่เช่นกัน

คือ กำ ลัง รวบ รวม 
ข้าว สาร อา หาร แห้ง และ ปัจ จัย 

เพื่อไปมอบบำรุงขวัญแก่บรรดาตำรวจ 
ทหารและครูในพื้นที่สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

โดยได้ทำทุกเดือนต่อเนื่องมากว่าสิบปีแล้วนะ จะบอกให้"

หกบรรทัด  ไม่มาก ไม่น้อย   อ่านแล้ว สะอึก
สิบสองปีที่ผ่านมา รัฐบาลผ่านมาเป็นกี่รัฐบาล เพื่อนพี่น้องร่วมชาติ เรา ที่ภาคใต้ ก็ยังโดนทำลาย ทำร้ายเหมือนเดิม

ไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยถอยลง
มีแต่นับวันแต่จะยิ่งขึ้นๆ ๆๆๆ จาก เหตุเดิมใดก็ไม่ทราบ กลายมาเป็น มั่วไปหมด แล้วก็ไม่มีใครออกมารับผิดชอบว่า เป็นกลุ่มบุคคลที่เป็นผู้ก่อเรื่อง  น่าแปลกมาก

ตั้งแต่ เมื่อสิบสองปีที่แล้ว เดือนแรกๆ ที่เกิดเรื่องขึ้น พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุมี หลวงพ่อธัมมชโย  ก็ได้รวบรวมคณะศิษย์  ให้นำข้าวสารอาหารแห้ง และ ปัจจัย ไปสนับสนุนการเป็นอยู่ของพระภิกษุในพื้นที่ภาคใต้  ใหม่ๆ ก็มีหน่วยราชการ  เอกชน  มากันมากมาย บ่อยๆ  เดือนแรกๆ  ก็เยอะอยู่ แล้วก็ลดลง จนในที่สุด ก็เหลือเพียงวัดพระธรรมกาย เท่านั้น

ปีต่อๆ มา เมื่อไม่มีใคร นอกจากถวายพระแล้ว ก็ นำเสบียงส่งไปให้ทหารตำรวจ ครู นับสิบๆ ปี ทุกวันนี้พระภิกษุวัดพระธรรมกาย ก็มีหน้าที่หลักเดินสายไปบิณฑบาต รวบรวมข้าวสาร อาหารแห้งส่งไปภาคใต้ เพื่อเลี้ยง ตำรวจทหาร พระ ครู

ณ วันนี้ ก็ได้รับการสนองคุณ  ทหารตำรวจ กำลังสนธิกำลัง จะมากราบพระที่วัด.. เออ ใช่ไหม

ก็ไม่ได้หวังอะไรหรอก แต่มันรู้สึกการให้  ให้แบบหมดใจ ให้เพราะพี่น้องเดือดร้อน  เราก็ให้ไป ตำรวจทหารเดือดร้อนเราก็ไปให้  แล้วไง ครับ

คุณตำรวจ  คุณทหาร  เกียรติ  ศักดิ์ศรี  คุณคน

 เลี้ยงปลาไว้ในตู้ ยังได้ความสวยงาม

เลี้ยงแมว ยังได้ลูบหัวลูบตัวมันเล่น

แล้วสิบสองปีนี้  วัดเราไปเลี้ยงอะไร ....  

วิ.31 พค.59


วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ณ คืนวันอาทิตย์



             ปกติที่ผ่านมาในรอบสี่สิบปี  ทุกอาทิตย์  กลางวันมีงาน มีญาติโยมมานั่งสมาธิ สวดมนต์ ฟังธรรม พอบ่ายวันอาทิตย์ก็จะกลับบ้านกัน

คืนวันอาทิตย์ จึงเป็นคืนที่เงียบสนิท สงบ สงัด  

แต่ไม่ใช่ อาทิตย์นี้แน่นอน  อาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม 2559  
ทุกประตู ทางเข้าออกวัดพระธรรมกาย มีญาติโยม มาจากไหนกันก็ไม่ทราบ อยู่กันได้ตลอดวันตลอดคืน  ประตูวัดนี้ ก็ไม่น้อย มีเกือบยี่สิบทางเข้าออก  

ตามซอกมุม  อาคาร ก็นั่งกันเป็นกลุ่มๆ  นั่งคุยกันเบาๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส  กระจายกันไปทั่วทั้งวัด  น่าจะนับหลักหมื่นได้ เหมือนมานั่งสังสรรค์ในคืนวันที่แจ่มใส

พระภิกษุหนุ่ม สามเณรน้อย ที่เคยบวชเรียนที่นี่ ร่วมหมื่นรูป ที่ถูกส่งไปเผยแผ่ ไปสร้างวัด ไปเป็นขวัญกำลังใจให้กับ กลุ่ม หมู่คณะ ทั่วทุกหนแห่ง ทุกตำบลในประเทศ  ทุกทวีปทั่วโลก  ก็มาเดินให้เห็นหน้ากัน  ได้ทักทายพูดคุย ระลึกถึงคืนวันเก่าก่อน ที่เคยกินนอน อยู่ที่นี่ด้วยกัน  

คุยกันถึงสมัยหลวงพ่อยังแข็งแรง  ใครเอาธรรมะมาล้อเล่นให้เห็น ท่านไม่ชอบ แทบจะเข้าหน้าท่านไม่ได้  เรื่องที่เราเห็นท่านมาตลอดชีวิต ยังนึกไม่ออกว่า ท่านมีความเสียหายเรื่องไหน 

ไม่ว่ากี่ปีท่านก็สอนให้เราเดินตามทางแห่งการสร้างบารมี ทำหัวใจของเราให้เป็นดั่งพระโพธิสัตว์ เป็นผู้ให้แสงสว่างกับชาวโลก  เป็นศัตรูกับ ความโลภ โกรธ หลง  

ให้เจริญสมาธิ ปัญญา เพื่อจะได้พาตนและหมู่คณะ ครอบครัว เดินทางไกลในสังสารวัฏได้  

รื่องของท่านจึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่  ท่านไม่ได้ให้แค่ความรู้ แต่ท่านยังพยายามอย่างยิ่งที่จะ ชี้ชวน ชักจูง อำนวยความสะดวก ทั้งลาก ทั้งดึง ทั้งดัน เข็นทุกคนที่ รู้คุณค่าของบุญ



แต่.....แต่การที่ท่าน 

เอาตัวท่าน เอาเวลา ความแข็งแรงของท่าน มาลากเรือเกลืออย่างพวกเรา เราก็รู้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ขนาดตัวเราเองจะบอกให้ รักษาความดีไปได้แต่ละวัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ 

ศิษย์ของท่าน ไม่ใช่มีเราคนเดียวแน่   ดังนั้น สุขภาพที่เสื่อมโทรมของท่าน ก็เพราะความปรารถนาดีต่อศิษย์   ความลำบากของท่าน ก็เพราะต้องการให้ศิษย์สบายเป็นสุข   พวกเรามากันเป็นแสน น้ำคนละแก้ว ก็หมดเป็นคลองแล้ว  ข้าวคนละคำ ของพวกเราน่าจะหมดข้าวไปเป็นจังหวัด   ค่าใช้จ่ายพวกนี้ คิดตัวเลขแล้วคงปวดหัว 

นอกจากสิ่งที่จับต้องได้ กินอยู่หลับนอน ต้องใช้   ที่ท่านให้มากกว่านั้น คือ เป้าหมายชีวิต เส้นทางแห่งการสร้างบารมี ความสว่างในใจ ไม่ได้ให้แค่ให้ตาสว่าง  แต่สว่างไปถึงใจ 

ดังนั้นเรื่องราวคราวนี้ เราก็รู้มานมนานแล้วว่า ต้นตอมันมาจากไหน มันจะเอาอะไร มันต้องการอะไร คำตอบพวกนี้ คนวัดเค้าก็รู้กันทั้งนั้น แต่ก็คิดกันว่า ทางใครทางมัน อย่างไรเราก็เชื่อพุทธพจน์ ว่า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม    

เราเหล่าศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย  เราก็อยากเป็นคนดี  เป็นคนดีนะ คนดีก็ต้องมีคุณสมบัติแรก คือ กตัญญู เราจึงต้องมารวมกันอยู่ที่วัด มาดูแลหลวงพ่อที่เราศรัทธาที่ท่านดูแลเรามาตลอดชีวิตท่าน  


มากตเวทิตา ตอบแทนท่าน ที่ท่านดึงเราให้พ้นนรก   มาเป็นกำลังใจให้ท่านในยามที่โรครุมเร้า ผู้ประสงค์ร้ายต่อท่านยกทัพมาดุจพญามาร มาทำลายพระโพธิสัตว์  

ถ้าเรานิ่งดูดาย นอนกระดิกเท้าดูข่าวอยู่ที่บ้าน แล้วก็แค่บ่นว่า หลวงพ่อเป็นไงแล้ว ไม่น่าเลย อยากไปนะ ถ้าเราทำแค่นี้ เรื่องราวคราวนี้ ผ่านไป ตลอดอสงไขยกัป หากระลึกเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร เราก็คงเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ตายไปก็ตกนรก

ดังนั้นวันนี้เราจึงมาอยู่ที่นี่  นั่งกระซิบกันเบาๆ ตามโคนเสา  ดูนก ดูลม ดูเฮลิคอปเตอร์  บินไปบินมาน่าเอ็นดู  ใครจะมาก็มาเถิด  ใครจะไปก็ไปเถิด  พวกที่เราอยากให้มาก็จงมาเถิด พวกที่เราไม่อยากให้มาก็อย่ามาเถิด  

เราต้องการความ สงบ  แต่เราก็ไม่ชอบให้ใครมาทำลายความสงบ   
เราไม่ไปต่อยตีกะใคร แต่ก็ใช่ว่าจะยอมให้ใครมาต่อยตีเราเฉยๆ แล้วก็จากไป  

เรื่องนี้ไม่รู้จะจบอย่างไง  จบอย่างไงก็อย่างนั้นแหละ ท่านผู้มีอำนาจตามหัวโขน คิดดีๆแล้วกัน
เราจะอยู่ในเหตุการณ์อย่างนี้แหละ 

อยากรู้ว่า คำว่าเป็นไงเป็นกัน..  กับคนที่ทิ้งโลก ทิ้งชีวิต เพื่อสิ่งที่เราศรัทธาที่ยิ่งใหญ่  สิ่งที่เราใช้เวลาเป็นอสงไขยชาติ ทำงาน  ไม่ได้สนใจแค่เพียงชาตินี้ หรือ แค่ชาติหน้า  

กับกลุ่มคนแบบนี้ ท่านจะทำอย่างไงกับเรา หรือว่า เราจะทำอย่างไงกับท่าน..... 

วิ. 29 พค.59

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เรื่องเก่าชาวนา

คนเขียนเกิดทันหรือเปล่าเรื่องนี้

แต่เราอยู่ในเหตุการณ์เลย อธิบายได้ทุกขั้นตอน วัดพระธรรมกายสร้างอยู่กลางท้องนา วันดีคืนดี เจ้าของที่แถบนั้นเป็นของตระกูลใหญ่ใน กทม.  ก็ต้องการขาย  ขายยกแปลงสองพันไร่ วัดขอต่อรอง ซื้อที่ละพันไร่   ก็ระดมเงินหลายปี กว่าจะซื้อได้พันไร่แรก  ที่นา ก็มีชาวนาเช่าอยู่  ชาวนา ก็มีสัญญาปีต่อปี ทางเจ้าของก็ไม่ต่อสัญญาให้

ปกติ ก็หมดไปก่อนที่จะขาย มีชาวนา 55 ราย   ทางวัด ก็ส่งคนไป ส่งไปจริงๆ ส่งไปถามว่า มีหนี้กันเท่าไหร่ รายใหญ่สุดก็มีราว แสนกว่าๆ ได้  ส่วนมากก็มีสักสองหมื่น   แต่หลวงพ่อท่าน ประชุมแล้วก็สรุปว่า จ่ะช่วยชาวนาให้ไปตั้งหลักให้ได้ ก็เรียกชาวนาประชุม ทั้งหมดมีเงื่อนไขว่า ถ้าออกก่อนสัญญาเช่าหมด จะให้ค่าชดเชย ราวๆ แสนกว่าบาท สมัยนั้น ก็พอที่จะไปตั้งเนื้อตั้งตัวได้ ทำนาอีกยี่สิบปี ก็ไม่ถึง ก็มี  51 ครอบครัวรับ และออกไปซื้อที่ ซื้อบ้านทำงานไป
 แต่มีอีกสี่ครอบครัว ได้ถูกนายทุนที่หมายตาจะเอาที่ไปทำหมู่บ้านจัดสรร เรียกไปบอกให้เดินขบวน เพื่อให้วัดขายที่ๆ ซื้อมาแล้วออกมา ถ้าวัดขายก็จะให้ส่วนแบ่ง อย่างไรไม่ทราบ  แล้วก็ยกขบวนมา ทุบพระประธานที่วัด คนทุบ อีกไม่กี่วัน ก็เลือดออกตามทวารทั้งเจ็ด ตาย ชาวนาสี่ครอบครัวนั้น ก็พยายามดิ้นรนด่าว่าวัด เพื่อให้ได้ตามเงื่อนไขนั้น  วัดก็แค่ออกไปปกป้อง บางทีก็มีเจ้าหน้าที่ มาช่วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็มาช่วยห้าม ก็ปกติ ไม่อยากให้มีเรื่อง
ที่สุดเป็นไงรู้ไหม หลังจากหมดสัญญา แล้ว ทางชาวนารู้ว่าไม่ได้อะไรแน่ ก็มาขอขมา แล้วขอให้วัดช่วย จ่ายเหมือนเพื่อนๆ ที่รับไปก่อนหน้านี้แล้ว วัดก็ช่วย ไปเป็นเรือนแสน

วัดนี้มีแต่ให้   หนังสือพิมพ์ก็ขายข่าวเอามัน ไม่เคยคิดถึงความจริง ก็เหมือนคนเขียนสำนักข่าวนี้ เขียนมันเรื่อยเปื่อยไป

รอบที่แล้ว พวกหนังสือพิมพ์ยุคนั้น ก็ถูกฟ้องรวด สุดท้ายก็สรุปว่า ลงข่าวขอขมา รอบนี้ วัดอย่าเอาแค่ขอขมานะครับ

ไหนๆ เค้าก็ว่าวัดชอบเรื่องเงินอยู่แล้ว ก็จัดเต็มไปเลย ให้ สำนักข่าว เอาปัจจัย มาเอาบุญสร้างวัดสักวัดสองวัด

วิ. 28 พค.59

ใครต้องการข้อมูล จากท่านนายอำเภอสมัยนั้น อ่านที่นี่  http://goo.gl/SqlNfO

เอาจริงดิ พี่ดีเอสอาย


Image result for กองร้อย เฮลิคอปเตอร์

เอาจริงดิ พี่ดีเอสอาย

เมื่อวานนี้ 27 พค. 59   เปิดพัดลม แล้วลมมันพัดมาดังว่า
พี่เค้า ขอกำลังสนับสนุนไปตามหน่วยต่างๆ รอบจังหวัดปทุม
มีการขอเฮลิคอปเตอร์
ขอกำลังปราบจราจล สี่กองร้อยแน่ะ  ให้อยู่ที่วัด สองกอง
ที่ศาลพระภูมิ กองนึง  ที่ดีเอสอาย อีกกอง
ขอรถนำขบวน

ขอข้าว ขอแกง ขอแหวนทองแดง ขอช้าง ขอม้า เอ้อ...

ขอไม่มาจะดีกว่าไหม


คุณจะไปดำเนินการทางศาลพระภูมิ คุณก็ทำไป ไม่ต้องมาวัดหรอก ตอนนี้กำลังยุ่งนะ
ไม่ว่าง

คุณก็ว่าของคุณไป  เดี๋ยวเลือกตั้งแล้ว ค่อยมาว่ากันใหม่ พวกคุณเกษียณไป คดีนี้ไม่จบหรอก ก็ให้คนอื่นมาทำไปแทนคุณ

คุณก็ไปติดคุกตาราง ฐานที่ทำอะไรไม่ค่อยเรียบร้อยไปก่อนก็ได้นะ

อย่างที่บางคนว่า" ถ้าจับหลวงพ่อไม่ได้ ก็อยู่ไม่ได้"

ส่วนหลวงพ่อ คงไม่มีอารมณ์มาเล่นกับพวกคุณนะ

รักนะ จุ๊บๆ

วิ. 28 พค 59

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

May day

May  day!  May  day!  นี่เหรอเมืองพุทธ!

อาตมาบวชมา 30 กว่าปี มาบวชตั้งแต่ถนนเป็นดิน มีแต่ท้องนา พระทั้งวัดมีแค่ สิบกว่าองค์อยู่เรียนรู้คำสอนพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความรักเคารพ ผ่านทางครูผู้สอน หนังสือคัมภีร์  พระไตรปิฎก ทบไปทวนมา ความเข้าใจในระดับคนทั่วไปมันก็รู้สึกไม่เหมือนเดิมในทุกปี เหมือนนักวิทยาศาตร์ที่ทดลองวัดผล ค้นคว้า มันก็ยิ่งมีความรู้ ความเชื่อในสิ่งที่กำลังทำมากขึ้น

สมาธิ ก็เช่นเดียวกัน ตั้งแต่บวชวันแรกก็เริ่มรู้จักการเจริญสมาธิ ภาวนา ได้อาศัยครูบาอาจารย์ ช่วยขัดเกลา  อบรมสั่งสอน ประคับประคอง  
  แม้ว่าสมาธิ จะเป็นเรื่องส่วนตัว ใครทำใครรู้ ใครทำใครได้ แต่ก็ต้องอาศัยการเรียนแนะนำจากครู อาจารย์  ถ้าใครบุญดี ก็จะพบเจออาจารย์ที่เราถูกจริต สามารถชี้แนะเราได้ ยอมตนเป็นศิษย์ อย่างหมดใจ เพราะท่านชี้ทางสว่างของชีวิตให้  

การอยู่ในวัดเดียวกัน กับครูอาจารย์ที่คอยเคี่ยวเข็ญ เราก็มองดูท่านเป็นแบบอย่าง ปฏิบัติตามที่ท่านทำที่ท่านสอน ศิษย์ของท่านมากมาย ท่านจึงอยู่ในสายตาของศิษย์ เกือบตลอดเวลา

วัดก็ขยายไปเรื่อยๆ คนก็มากขึ้นเรื่อยๆ เวลาของท่านที่ต้องแบ่งให้กับศิษย์ก็ต้องถูกแบ่งไปเรื่อยๆ   แต่เราก็ไม่เคยเห็นว่าข้อวัตรปฏิบัติของท่านจะลดลง กลับมุ่งเน้นเรื่องกรรมฐาน ธรรมปฏิบัติยิ่งๆขึ้น  

ท่านสร้างวัดนี้ วัดก็ขยายไปเจริญเติบโตไป  วันหนึ่งมีคนมาบอกว่าท่านโกงวัด  พวกเราก็เริ่มงง ว่าทั้งชีวิตหลวงพ่อสร้างวัด สร้างคน ทำนุบำรุงพระศาสนามาตลอด ตอนนี้โดนแกล้งด้วยคำว่า โกงวัด   ศิษย์ทั้งหมดก็แค่ขำๆกับคำกล่าวหาว่าไร้สาระ  

คนทำงานมาทั้งชีวิต สร้างบ้านเรือน ให้ลูกหลาน กลับโดยข้อหาโกงบ้าน  มีที่ไหน.งง

แต่ไร้สาระกลับไม่ไร้สาระ เพราะสิ่งที่เค้าว่าเป็นการเริ่มต้น การกลั่นแกล้งหลวงพ่อ ทำคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล เอาหน่วยงานรัฐมาพาหลวงพ่อไป พวกเราเชื่อมั่นในความดี ก็คิดว่าคนอื่นเค้าคงเห็นความดีของครูเราบ้าง 

แต่กลับเป็นว่า การยินยอมทำตามเจ้าหน้าที่รัฐนั้น เอาท่านไปตรวจอย่างไรไม่ทราบ เอาอะไรสอดเข้าไปในคอท่าน ใส่อะไรไปก็ไม่ทราบ กลับวัดมา ท่านก็อาเจียนเป็นเลือดเต็มอ่างล้างหน้า พูดไม่มีเสียงถึงเจ็ดเดือน โรคต่างๆก็กำเริบ  แข้งขาก็บวม น้ำตาลเบาหวาน มาหมด จากหลวงพ่อที่แข็งแรง ก็กลายเป็นพระผู้เฒ่าที่โดนแดดโดนลมไม่ได้ หนาวสะท้าน อากาศแบบไหนก็ต้องห่มผ้า ห่อตัวตลอด 

แม้กระนั้น ท่านก็ให้ความร่วมมือกับภาครัฐทุกอย่าง ไปขึ้นศาลนั่งฟังเรื่องราวทุกสัปดาห์  7 ปี ไม่เคยขาดเลย  

ผลออกมาก็คือ ไม่มีอะไร ไม่มีผิด  เลิกๆกันไป  ก็ง่ายดี

ผ่านมา 17 ปี พวกเราก็เรียนรู้ได้ว่า หลวงพ่อเราก็เป็นแค่เหยื่อ   เหยื่อของเรื่องราวทางการเมือง เอาวัด  เอาหลวงพ่อเราประวิงเวลา เบี่ยงเบนความสนใจ  หรือแค่ขายข่าว 

มาวันนี้วัฏฏจักรก็หมุนมาทับรอบเดิม  มาแนวเดิม จะมาพาหลวงพ่อไปอีก เรื่องก็เดิมๆ ไม่มีมุขใหม่ 

คราวนี้เราก็รู้แก่ใจว่า ถ้าหลวงพ่อเรายอมไปคราวนี้ คงไม่มีคราวหน้า ไม่มีวัด ไม่มีพวกเรา เพราะจะไม่เหลือหลวงพ่อของเรากลับมา  

ครั้งนี้จึงเป็นไงเป็นกัน เราไม่ได้เป็นเด็กดื้อ ไม่ได้อยู่นอกกฏหมาย เพียงแต่เราหมดความหวังในความยุติธรรมประเทศไทย หมดความศรัทธาในหน่วยงานต่างๆของรัฐ 

เราก็แค่หวังลมๆแล้งๆไปวันๆว่า ประเทศนี้จะเข้าสู่ความศิวิไล เทียมนานาอารยประเทศในวันอันใกล้ พอที่จะพาลมหายใจเราไปถึง

อะไรจะเกิดก็คงเกิด เกิดมาชาตินึงขอแทนคุณพระศาสนาครูบาอาจารย์

จึงเรียนมาเพื่อทราบ โอกาสนี้
วิโร

  May  day
  1 พค 59


อ่อนนุ่ม และ แข็งแกร่ง

ถ้าจะอ่อนก็ให้อ่อนดังเส้นไหม
จะได้ใช้ผูกเสือโคร่งขึ้นโยงเฆี่ยน
ถ้าจะแข็งก็ให้แข็งดังวิเชียร
จักได้เจียรกระจกเจียรนัย


     การดำเนินชีวิตนั้น บางครั้งก็ต้องมาถึงทางสองแพร่งที่เราไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรในทางข้างหน้า  เป็นสิ่งที่เราต้องเลือกเพื่อกำหนดชีวิตของเราต่อไป

บางขณะเราก็ต้องอ่อน คือ อ่อนนุ่ม แต่ไม่ใช่อ่อนแอ เวลาแข็งก็ไม่ใช่แข็งกร้าว แต่เป็นแข็งแกร่ง คือจิตใจที่แข็งแกร่งทำอะไรก็ต้องทำไปให้สุด   ดูเหตุดูผล ดูว่ามีอะไรบ้างที่เป็นทางได้ ทางเสีย โดยเฉพาะทางเสีย ต้องดูให้มากไว้

บางคราว ทางได้ ทางเสีย ก็ดูเฉพาะตนไม่ได้ ก็ต้องดูมากไปถึงหมู่คณะ  ถึงส่วนรวม

ดังเช่น เรื่องราวที่เกิดขณะนี้  ถ้ามีคนบอกว่า เงินของคนยากจนที่ไปฝากไว้ กลายมาเป็นอาคารศาสนสถาน  สรุปเลยว่า หลวงพ่อเจ้าอาวาส สมคบกับทางฝ่ายประธานสหกรณ์  .... สรุปง่ายไปไหม ลืมขั้นตอนตรงกลางไหม

ถ้าเทียบแบบนี้
คนขายผลไม้ โกงตาชั่ง ได้เงินมา ทำบุญ พระรับไป ก็เข้าข่ายไปช่วยเค้าโกงตาชั่งไหม
คนก่อสร้างฮั้วประมูล  แบ่งรายได้มาทำบุญ  พระรับไป โดนไหม
คนทำบริษัท แต่งบัญชีรายได้  แบ่งส่วนหนึ่งมาทำบุญ พระโดนอีก
......

เข้าใจไหม ว่า พระน่ะ ไม่ได้รู้เห็น ไม่ได้ไปยุ่งกับอาชีพของใคร  ก็แค่ทำความดีเฉพาะตัวด้วย ชวนชาวโลกทำความดีด้วย  คนเกิดศรัทธา ก็มาร่วมบุญ มากบ้าง น้อยบ้าง

ตัวผู้เขียนเอง สร้างวัดไว้รอบโลก ถ้ามีใครมาร่วมบุญ ก็ยินดี จะไปห้ามเค้าทำบุญนั้นไม่ควร ไม่ใช่สิ่งที่พระทำ

ดังนั้น ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ปฏิเสธข้อกล่าวหา ว่า พระไม่เคยรับของโจร ไม่เคยฟอกเงินนั้น หลวงพ่อ ต้องเป็นวิเชียรที่ทั้งแข็งทั้งใส มีคุณค่า ไว้เจียรกระจกเจียรนัย  ครับ

อะไรมันจะเกิด ก็ต้องเกิด  จะได้เป็นแนวทางให้กับรุ่นหลังที่ตามมา จะได้ไม่ถูกใครรังแก ด้วยข้อหาพรรค์นี้

หลวงพ่อไม่ต้องห่วงพระลูกพระหลานครับ ศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย ติดตามหลวงพ่อมาค่อนชีวิต อยู่กันมาจนแก่เฒ่า  เลยขั้นตอนความกลัวมามากแล้ว กลัวตายน่ะไม่กลัว แต่กลัวว่า รุ่นหลังมาจะอยู่ลำบาก โดนพวกคนมีอำนาจรังแก โดยอาศัยสิ่งที่เราทำในปัจจุบันนี้เป็นแบบอย่าง

ถ้าไม่ผิด ก็ไม่ผิดครับ พวกเราติดตามเห็นหลวงพ่อมานาน มั่นใจในความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อ ล้านเปอร์เซนต์

ว่าอย่างไงก็ว่าตามกัน  ใครไปก่อนก็อย่าลืมวนรอบเจดีย์ด้วยละกัน

กราบถวายกำลังใจพระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ
วิ. 27 พ.ค. 58



วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

นี่เหรอ " นายแพทย์"

                วันก่อนมีการแถลงอาการป่วย จากคุณหมอทั้งหลาย ที่วัดพระธรรมกาย   วันต่อมา ก็มีหมอ คนหนึ่ง เด้งตัวรับ ออกลูกมาว่าร้าย  ด้วยความคิด คำพูด ร้ายๆ ที่คนดีๆ อ่านแล้ว คงกลุ้มใจมาก

มาวันนี้  นายแพทย์อีกท่านหนึ่ง ก็อดรนทนไม่ได้ ก็ออกมาเขียนว่า

...............................................................................................
เรา (เพื่อนแพทย์) มาถึงจุดๆนี้ได้อย่างไร?
จุดที่แพทย์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การรักษาของแพทย์ผู้อื่น อย่างเป็นเรื่องเป็นราวผ่าน social network ตามใจความที่ตนเองคิดว่าเข้าใจถูกเพียงส่วนเดียว ทั้งๆที่ตนไม่ใช่ผู้รักษาคนไข้
จุดที่แพทย์มานั่งดูรูปห้องผู้ป่วยแล้วโพสต์ว่าตนเห็นว่าตรงไหนที่ตนคิดว่าผิด ไม่ถูกตามที่ตนเองเคยเห็นมา และสรุปความว่าผู้ป่วยแกล้งป่วยโดยที่ตนเองไม่ได้ตรวจผู้ป่วยด้วยซ้ำ
จุดที่แพทย์ (บางคน) โพสต์ข้อความแสดงความประสงค์ร้ายให้ผู้ป่วยเจ็บปวดทรมานและหมดลมหายใจ ผ่านทางหน้าเฟสของตน
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!
อยากวอนขอให้หยุดการกระทำอันเกินเลย ต่อวิชาชีพแพทย์ด้วยกัน
เชื่อว่าเราผู้เป็นแพทย์นั้น ต่างก็หวังให้ผู้ที่ป่วยอยู่หายจากการเจ็บป่วย โดยได้รับการเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ
เชื่อว่าทั้งแพทย์และผู้ป่วย ก็ต้องการให้ต่างฝ่ายต่างเคารพในเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งนั้น
อย่าให้เลยจุดที่เรายังแก้ไขกันได้เลย
จากใจหมอคนนึง

...............................................................................................

รูปนั่งเทียน จากอินเตอร์เนท ไม่เกี่ยวกับบทความ
คุณหมอ คนสุดท้ายนี่ ก็พูดมีเหตุผล ฟังได้  คนไม่ได้ไปตรวจ แล้วไปวิจารณ์ หมอที่เค้าตรวจ นี่มัน  ตาทิพย์ชัดๆ  น่าจะไปเป็นหมอดู จะเวริคกว่าไหม  

เสียดาย ที่อุตสาห์เล่าเรียนเขียนอ่าน ใช้เงินส่งเสียเท่าไหร่ กว่าจะได้ คุณหมอแบบนี้มา  มาจนได้คำว่า นายแพทย์ แต่ทำได้แค่ หมอดูอย่างนี้ อย่าให้รู้นะว่า อยู่โรงพยาบาลไหน จะบอกต่อๆ ว่า คุณหมอนี่ เก่งกาจเกินอมนุษย์ อยู่ไกลสุดโลก ก็รักษาได้ มองเห็นผ่าน นสพ. สามารถมาก  
# อสกข  จริง   หมอครับ..... ระยอง กะ ชะอำ  หมอจะทำอะไรครับ เสื่อมเสียวงการตัวเองซะงั้น เหมือนคนนั่งเรือแต่เจาะเรือตัวเอง เพียงเพราะเพื่อนที่ไม่ชอบ นั่งอยู่

เจริญละครับ วงการ
สวัสดี
วิ. 25 พค. 59

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เรื่องที่ไม่มีวันจบ

เรื่องที่ไม่มีวันจบ

สมัยเรียน มีหนังสือภาษาอังกฤษอ่านนอกเวลา มีเรื่องสั้น ที่ชื่อไม่สั้น เรื่องหนึ่ง อ่านผ่านมาแล้วเกือบสี่สิบปียังจำได้  เรื่องแปลเป็นไทยว่า เรื่องที่ไม่มีวันจบ  ( Never ending story)  แต่เป็นคนละเรื่องกับที่เป็นนิยายขายดี ของ Michael Ende นักเขียนเยอรมันที่นำมาสร้างเป็นภาพยนต์

เรื่องที่อ่านนอกเวลานี้ เนื้อเรื่องสั้นมาก แต่ยาวมาก....​เอ  อย่างไงกัน งั้นลองฟังดู

เรื่องมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว   มีชายสามคน นั่งอยู่เชิงเขา พวกเขานั่งล้อมวง อยู่รอบกองไฟ.....
แล้วชายคนหนึ่ง ในนั้น ก็พูดว่า  กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว  มีชายสามคน นั่งอยู่เชิงเขา พวกเขานั่งล้อมวง อยู่รอบกองไฟ.....

แล้วชายคนหนึ่ง ในนั้น ก็พูดว่า  กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีชายสามคน.........ฯลฯ

ป่านนี้ ชายสามคนนั้น ก็คงยังคุยกันไม่จบ ไม่ไปไหน อยู่อย่างนั้น

ไม่รู้กรรมเวรอะไรของสยาม  ที่มาเจอเรื่องทำนองนี้ ในบ้านนี้เมืองนี้

การเมือง ก็วน ๆ เวียนๆ  กาลครั้งหนึ่ง  เลือกตั้ง  แย่งตำแหน่ง แบ่งพวก รัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญ  
แล้วก็ เลือกตั้ง  แย่งตำแหน่ง แบ่งพวก รัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญ  
เลือกตั้ง  แย่งตำแหน่ง แบ่งพวก รัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญ  .... วนเวียนนิรันดร์  


ช่วงระหว่างที่รอ มารอบนี้ คงคิดถึงคนดูเพื่อไม่ให้เบื่อมากนัก จึงนำความแปลกใหม่ มาให้
เลยถนนการเมือง แยกมาเข้าวัด แต่มิใช่ มาสงบสติอารมณ์ หาทางออก จากวนเวียน

แต่มาหาเรื่องพระ หาเรื่องวัดโดยแท้

ตอนนี้ เค้าคิดได้ว่า มันต้องสร้างความแปลกใหม่ เอาใจกองเชียร์​  แต่ก็อยากส่งข้อความไปถึง กองเชียร์ ด้วยว่า

กาลครั้งนี้
#เราโดนรังแก ถ้าไม่มาช่วยกัน
อย่างนั้นสักวันหนึ่งคุณก็จะเจอเอง
เจ้าหน้าที่รัฐอยู่ได้ด้วยภาษีของประชาชน
ถ้ามาทำกับพระได้
อย่างนี้ทำกับใครก็ได้
 ถ้าเราไม่ช่วยกันตอนนี้ ต่อไปจะลำบากกันทั้งแผ่นดิน
เพราะมันได้มีต้นแบบเกิดขึ้นมาแล้ว
คุณที่ดูอยู่เฉยเฉยๆจะเดือดร้อน
เพราะต่อไปความอยุติธรรมนี่จะเป็น
โรคระบาด
โรคติดต่อ
 ห่วงคนในแผ่นดินนี้

คุณทำให้ถูกใจ แต่ไม่ถูกศีลธรรม
#ฆ่าผู้บริสุทธิ์
ทำร้ายให้บาดเจ็บ
สิ่งนี้จะเป็นตราบาปติดตัวคุณ
คนอยู่วัดคือผู้มีศีล เขาไม่คิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย
เขากำลังมาทำความดี ปลูกศีลธรรมในใจ

ปากกระบอกปืน อย่าเอามาใช้กับคนมีศีลธรรม

เรามาร่วมกันเรียกร้องความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น จะดีไหม

ให้สยามเมืองยิ้มเป็นดินแดนในอุดมคติ

ให้เรามาช่วยกันทำสิ่งนี้ดีกว่า ต้องทำให้ดีกว่าเดิม
 ไม่ใช่แย่กว่าเดิม

เราปลีกวิเวกตามแบบฉบับของพระ ที่อยู่ในป่าในเขา

ก็มาหาว่าเราลึกลับ

เพราะเราไม่สนใจโลกอันเร่าร้อน เราอยู่ในโลกแห่งความสงบเย็น
แต่ก็อย่างว่า วันนี้ถึงความจำเป็น ก็คงต้องออกมาชี้แจงแถลงไข
โปรดอย่าระแวงเลย


เรามีคนมาวัดล้าน ก็ไปทำให้ได้ 5 ล้าน 10 ล้านก็จบ
เราก็ไม่เคยไปขัดขวางมีแต่โมทนา
แต่เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครทำ เราก็เลยลุกขึ้นมาทำ

.................@@@................

ก็ฝากไปให้กองเชียร์นะครับ ว่า เรามันลงเรือลำเดียวกัน ไม่ว่าจะอย่างไง เมื่อเค้าจุดไฟเผาพวกเรา เจาะเรืออยากให้เราจม ถ้าเราจม พวกคุณคิดเหรอว่า จะไม่จมไปด้วยกัน

เรื่องแบบนี้ มันเหมือนเรื่องสั้น แต่ มันไม่มีวันจบแน่นอน  จนกว่าความยุติธรรม จะกลับคืนมา
ถ้าพวกเราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคม  เป็นพี่  เป็นน้อง เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นคนรอบๆ ตัวคุณ แต่โดนรังแกขนาดนี้ คุณก็ยังทำไม่รู้ไม่เห็น

ช่างมัน

ระวังเรื่องนี้ มันจะไม่มีวันจบ ..
วิ.๒๑ พ.ค. ๕๙  ( บางส่วนถอดมาจากคำรำพึง)

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

พอกันที.....

เมื่อครั้งสมัยพระพิมลธรรม ถูกเชิญตัวไปนั้น คนมีอำนาจสมัยนั้นก็ยัดข้อกล่าวหา ให้ติดคุกเล่นๆ ซะหลายปี แล้วก็ปล่อยตัวมาบอกราวๆ นี้ว่า 

โอเคนะ ไม่มีอะไร เข้าใจผิด ..นิดหน่อยๆ  เป็นพระก็ละวางกันไป.....

เป็นสมัยของคุณปู่  คุณแม่ได้เล่าให้ฟังว่า คุณปู่กลุ้มใจมาก เป็นกังวล ตอนนั้นอยู่นครปฐม ในอำเภอที่ห่างไกล จากกรุงเทพมาก ถ้าคิดจะมากรุงเทพ ต้องใช้เวลานั่งเรือมาเป็นวันๆ  แม้ว่าคุณปู่จะเป็นคนมีชื่อเสียง ในละแวกอำเภอนั้น เป็นคหบดีใหญ่ ก็ทำได้เพียง ไม่สบายใจ และทำอย่างอื่นไม่ได้ ... หรือ จะเป็นเพราะบอกตัวเองว่าทำไม่ได้ ก็ไม่ทราบ

มายุคดิจิตอล  คนเราเดินทางไปมารวดเร็ว การข่าวก็เร็ว แต่นิสัยเดิมๆ ของคนมีอำนาจก็เหมือนเดิม ไม่พัฒนาไปตามความเร็ว  ก็ยัดข้อหากันไปก่อน มีอะไร ก็มาที่ศาล... ถ้าเป็นพระก็จับสึกก่อน ไม่เป็นไร  เดี๋ยวเรื่องจบ ก็บวชใหม่..  

พี่ครับ ... บวชใหม่ เค้าก็เรียกพระใหม่นะครับ แม้พระไม่ติดในลาภ ยศ แต่ การจับสึกนี่ มันก็เกินไปนะครับ ใครจะไปรับได้ สัจจาธิษฐาน ที่ตั้งไว้ บวชกันไปตลอดชีวิต เค้าไม่ได้ตั้งกันเล่นๆ  เค้าเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันทั้งชีวิต  

ไม่ว่าจะมีมารมาผจญอย่างไร ก็เอาอย่างพระบรมโพธิสัตว์ เดินตามรอยบาทท่านอย่างเดียว ไม่มีสึกหาลาเพศ  บวชกันตาย นี่คือ ปณิธานของพระผู้ปฏิบัติทั้งหลาย รวมถึงหลวงพ่อพระเทพญาณมหามุนี หลวงพ่อธัมมชโย ด้วย รู้หรือเปล่าครับพี่

พี่ทั้งหลาย ตั้งใจมารับเป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจ อะไรก็ตาม ก็มีปณิธาน หน้าที่  ในแต่ละสาย ก็มีคนที่มุ่งสู่ปณิธานที่เคยตั้งไว้ วันเข้ารับราชการได้บ้าง ไม่ได้บ้าง มาถึงวันนี้ แต่ละท่าน เดินตามปณิธานนั้นได้ สักกี่คน 

นี่แค่เรื่องทางโลกๆ ไม่พ้น ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข  ก็ยังไปไม่ถึงสิ่งดี ๆที่ตั้งไว้  

ส่วนหลวงพ่อของผม ท่านกว่าจะผ่านมาแต่ละวันในชีวิตนี้ของท่าน มาได้ ๔๗ พรรษา  แล้วนั้น มันไม่ได้ง่ายๆ เหมือนเดินบนกลีบกุหลาบซะที่ไหน

ชีวิตท่าน  ถ้าทุกท่านได้มาศึกษาอย่างถ่องแท้ ก็ทำได้อย่างเดียว คือ เอาท่านใส่ไว้ใจ ไว้เป็นต้นแบบในการทำความดี อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน  

มาวันนี้ หลวงพ่อของผม ก็ต้องมาผจญกับมาร  ที่บูรพาจารย์ในอดีตเคยพานพบ เช่นกัน  เค้าจะมาจับหลวงพ่อ ที่ผมรู้จัก ที่ผมศรัทธา โดยอ้างเรื่องไม่เป็นเรื่อง

ผม คงไม่ทำอย่างคุณปู่ของผม 
ที่ต้องมานั่งกลุ้มใจ  
เสียใจที่ไม่ได้ทำอะไร 

และผมก็คิดว่า พี่น้องเพื่อนพ้องกัลยาณมิตร ที่เปลี่ยนชีวิต จากเลวเป็นดี จากลำบากเป็นมีความสุข จากต่ำเป็นสูงนั้น 

จะไม่ยอมกับการที่ภาครัฐทำอย่างนี้กับหลวงพ่อของผม

พวกผมทนมานานเกินพอสำหรับ พวกปากเปลาะ คิดสรรหาคำสารเลว สารพัดมา ก่นด่า  มีความรู้ก็ตัดต่อตัดแต่งภาพ ใส่ร้าย ป้ายสี ต่างๆ นาๆ

พอกันที สำหรับการมองดูสัตว์โลกผู้น่าเกลียดเหล่านี้ เลื้อยคลานเป็นตัวหนังสือ ที่เสียดแทงจิตใจ 

พอกันทีสำหรับ "อำนาจ" สารเลว จอมปลอม

ท่านมาดี เราก็ดี  ท่านมาไม่ดี เราก็ดี   เพราะเราทำดี  เป็นอย่างเดียว  

แต่ดีของเรา มันอาจจะไม่ดี ในสายตาท่านเท่านั้นเอง ... 


วิ.18 .. 59

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

หมาเจ้าถิ่น...

ขอบคุณภาพจากเพจ คุณธนากร พาริหาญ

สมัยเมื่อยังเยาว์  ที่หมู่บ้านมีสะพานข้ามคลองแบ่งหมู่บ้านเราเป็นสองฟาก  ฟากโน้นก็มีเจ้าพ่อตัวนึง ข้างนี้ก็มีตัวนึง...​

ตัวนึง  ไม่ได้พิมพ์ผิด..

คือ ฟากโน้นมีไอ้ดำ   ฟากนี้มีไอ้โก   เป็นหมาเจ้าถิ่น จะจัดการกับหมาหลงมา หรือบ้านไหนเลี้ยงหมาไว้  แล้วกระด้างกระเดื่องไม่ยอม เจ้าพ่อทั้งสองตัวก็ไปตามราวีถึงบ้าน

และแล้ววันสำคัญพิสูจน์ความยิ่งใหญ่  ไอ้โก นัด เจอกับไอ้ดำ กลางสะพาน  กัดกันตั้งแต่เที่ยงยันค่ำ  จากบนสะพานไปถึงกลางท้องนา

ผลลัพธ์ฝั่งไอ้ดำเป็นไงไม่ทราบ แต่ไอ้โก เส้นเอ็นที่หูขาด หูตกข้างนึงไปตลอดชีวิต แต่ว่าหลังจากวันนั้น ก็ไม่มีใครเห็นไอ้ดำอีก ไอ้โกก็เดินฉายไปทั้งสองฟากหมู่บ้าน นับแต่นั้นเป็นต้นมา

ไปอยู่เมืองนอกหลายๆ ปี ก็ไม่เคยเห็นหมาบ้านเมืองเค้าจะเป็นอย่างนี้ แปลกดี  หมากะเด็กเค้า เจอกันไม่ได้กระโดดมากอดกันเล่นได้   หมาบ้านเราเจอเด็ก เหมือนเห็นขนม จะกินหัวเด็ก

สังคมไทย ก็คงคล้ายๆ กัน ทุกที่มันเหมือนมีเจ้าพ่อคอยคุม จะเล็กใหญ่ จะกว้างขวาง อะไรอย่างไง ก็เหมือนต้องอยู่ใต้อารายยยยอย่างหนึ่ง...เสมอ

ตอนที่โลกอินเตอร์เนท เกิดมาใหม่ๆ ก็มีการแสดงความเห็น เราก็คิดกันว่า ในนี้ คงไม่มีเจ้าพ่อไหนมาแสดงอำนาจได้  สามารถแสดงความเห็นกันได้เต็มที่

สรุปว่า เป็นความอ่อนด้อยเบาปัญญาของเราเอง ที่คิดผิด แม้ในกระดานความเห็น แห่งยุคเช่นพาลทิป ที่บอกว่าใครๆ ก็ไปแสดงความเห็นได้ บนกติกาของพาลทิป

ในห้องศาสนา เรื่องด่าวัดพระธรรมกาย ด่าพระ เห็นมีอยู่เป็นปกติ  เห็นกันมาเป็นสิบปี เป็นหลายปี  คนวัดก็คงหงุดหงิด ใครที่มีใจรักวัดพระธรรมกาย ก็คงเกลียดชัง  กติกาพาลทิป ก็ไม่เห็นแสดงอะไร ก็ปล่อยให้คนด่าวัดอย่างจงเกลียดจงชัง ทุกวันนับสิบปี ... ไม่มีปัญหา  ...

วันหนึ่ง คนวัดพระธรรมกายก็นัดพบกลางสะพาน ลุกขึ้นมาสู้ พร้อมลุยกับ ความคิด คำพูด ข้อเขียน กับฝั่งที่ว่าร้าย กล่าวหา

ทางฝ่ายวัด ก็ใช้กติกาเดียวกันกับ ฝ่ายด่า ฝ่ายแฉ  ก็ว่ากันไปดูเหมือนว่า ฝ่ายวัดซึ่งใช้คำพูดแบบไพเราะเสนาะหู แก้ไขทุกประเด็น ทุกข้อกล่าวหา ด้วยเหตุด้วยผล เท่าที่มีหลักฐาน หรือสติปัญญาฝ่ายวัดจะตอบได้  ก็คงไม่ครอบคลุมทุกประเด็นได้หรอก

แต่คนมันเกลียด มันก็เกลียด จะอย่างไงก็เกลียด ทางฝ่ายวัดเราก็ไม่หวังที่ไปปรับทัศนคติของฝ่ายด่า ก็คงไม่เก่งขนาดนั้น แต่ว่า เราหวังว่าในอนาคต หากมีใครมาอ่าน นอกจากจะเจอคนว่าร้ายวัด  ก็ยังมีข้อความแก้ต่าง ทิ้งไว้ให้คนรุ่นต่อไป อ่านแล้ว จะคิดอย่างไงก็ตัดสินใจกันเอาเอง

แต่แล้ว เราก็พบความจริงอีกอย่างว่า ในพาลทิป ก็มีเจ้าพ่อ ในขณะที่ การชี้แจง การเขียนข้อความที่เป็นความจริง มันไปทำให้ฝ่ายด่าไร้เหตุผล หมดหนทางที่จะว่าร้าย  ก็คงไปสะกิดต่อมยุติ...ธรรม เจ้าพ่อท่าน

สุดท้ายก็ ยึดแอคเค้าฝ่ายวัดหมด  ใครเห็นด้วยกับวัดพระธรรมกาย ยึดแอคเค้าซะงั้น

นี่หรือ กระดานความเห็น ที่เสรีแห่งยุค .. พาลทิป

จะป่วยกล่าวไปใยกับระบบทั้งระบบ  ประเทศทั้งประเทศ  ขนาดโลกเสมือน ยังมีอย่างนี้

หรือ พาลทิปกลัวความจริง....

วิ. 14 พ.ค. 59
o

วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข้าแต่ท่านเปา...


ถ้าไม่ผิดอะไร ก็มาเข้ากระบวนการยุติธรรม.... 
พูดง่ายนิ


กระบวนการยุติธรรม แบบไหน ทีท่านชวนไปขึ้นไม่ทราบ 
ถ้าเป็นศาลไคฟง พวกเราคงพาหลวงพ่อเราไปขึ้นนานแล้ว   


กระบวนการยุติธรรมแบบไหน มีอุปกรณ์อาบน้ำ  ก็ผิด  ยืนกันนิ่งๆ ก็ผิด พูดก็ผิดไม่พูดก็ผิด  ดีนะที่ยังไม่เก่งพอที่จะบอกว่า คิดอะไรอยู่ ไม่งั้น คุกประเทศไทย คงได้ล้น

กระบวนการยุติธรรมแบบนี้เหรอ ที่จะเอาหลวงพ่อเราไป คนของพวกคุณว่างๆ ก็ออกมาพูดว่า วัดเราเป็นภัยต่อความมั่นคง  วัดเราสอนผิด  คนที่มีตำแหน่งสูงๆ ออกมาแสดงความเห็นที่ไม่เป็นกลาง แบบนี้ยังไม่เป็นคดี ก็ตัดสินกันไปแล้ว


คนที่เข้าวัดเรา ส่วนมากเปลี่ยนแปลงไปในทางที่รักพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์  เคารพพ่อแม่ กตัญญูรู้คุณ  เป็นคนรักษาศีล มีศีล มีธรรม เป็นคนที่รู้หน้าที่ ปฏิบัติตามกฏระเบียบ  มีวินัย อดทน

ก็ทนให้ด่า มาจนกระทั่งลูกโต สิบเจ็ดปี  แล้วคุณมาบอกว่าวัดไม่ดี หลวงพ่อไม่ดี มีหรือเราจะเชื่อ

บ้านเมืองหาความสุขไม่ได้  หาความยุติธรรมไม่เจอ อย่างนี้เหรอที่จะเอาหลวงพ่อเราไป

ที่เราอยากได้น่ะ  เราอยากได้กระบวนการยุติธรรม แบบศาลไคฟง 
ที่เราอยากเห็นน่ะ ท่าทีที่พวกคุณแสดงให้เห็นถึงความดีงาม  ถูกต้อง เที่ยงธรรม 

เราคงไม่ได้หวังว่า พวกคุณจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างที่เราต้องการ แต่เราก็ขอบอกจริงๆว่า ไม่พร้อมที่จะให้หลวงพ่อเราไปให้คุณทำอะไรกะท่าน


เราก็รู้ว่า ที่เราพยายามอยู่นี้ มันไม่ได้เกิดอะไรในสายตาพวกคุณนอกจากความหมั่นใส้  แต่จะให้เราทำอะไรได้ล่ะ 

มือพวกเราเคยแต่พนมมือไหว้พระ  เรามารวมกันก็เคยแต่มานั่งสมาธิ  เราแสวงหาคุณความดี เราทำตามที่หลวงพ่อสอน  จะให้ไปต่อยตีอะไรเป็น เขี้ยวเล็บก็ถอดเก็บทิ้งไปหมด 

เราก็แค่ อยากให้บ้านเมืองนี้  เป็นธรรม แค่นั้นเอง

เราก็อยากเห็นพวกท่านทั้งหลายขึ้นกระบวนการยุติธรรมเหมือนกัน แต่ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรมไทย หรือกระบวนการยุติธรรมโลก   ไว้ถึงกระบวนการยุติธรรมปรโลกคงได้รู้กัน

วิ.
.. ๕๙

รวมกันเถอะ



รวมกันเถอะ


ขอยืมคำภาษาอังกฤษมาใช้สักคำ แปลเอาความว่า
การเปลี่ยนแปลงหนึ่งอย่าง เพื่อ ทั้งหมด..


แม้มากผิกิ่งไม้         ผิวใครจะใคร่ลอง

มัดกำกระนั้นปอง               พลหักก็เต็ม

สามัคคีเภทคำฉันท์




ตั้งแต่สมัยโบราณกาลมา การที่จะทำลาย หรือยึดครอง บ้านเมืองใด องค์กรใดได้นั้น อย่างแรกที่ต้องทำก็คือ การที่ทำให้หมู่คณะนั้น องค์กรนั้น ประเทศนั้น ขาดความสามัคคี แตกกันเองก่อน แล้วค่อยเข้าปกครองได้


มีตัวอย่างตั้งแต่ในทุกสมัย แม้ในพระไตรปิฏก ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ ในเรื่องของวัสสการพราหมณ์ ที่เข้าไปทำให้ประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสามัคคีกันเหนียวแน่น ตีเท่าไรก็ไม่แตก ไปทำให้ระแวงระวัง กินแหนงแคลงใจกัน ในที่สุด ก็แตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ก็ถูกข้าศึกเข้ายึดครองไปได้ในที่สุด



ในประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน หลายๆ ประเทศ ก็เช่นเดียวกัน คือ การถูกค่อยๆ ทำให้แตกความสามัคคี ให้แยกย่อย ออกไปเป็นเสี่ยงๆ แล้วศัตรู ก็เข้าปกครองได้ ก็มีมาให้เห็นทุกยุคสมัย


สมัยที่มีการล่าอาณานิคม ประเทศที่ล่า ก็ได้ใช้หลักการแบ่งแยกแล้วเข้าปกครอง เข้ายึดครองประเทศทางเอเซีย เกือบหมด


มา ณ วันนี้ ประเทศเราในทางการเมืองก็แตกแยก ประชาชนแบ่งฝักฝ่าย เกลียดแค่ชอบสีต่างกัน ก็น่าเป็นห่วงประเทศว่า จะมีใครแทรกแทรงเข้ามาล่าอาณานิคมในยุคนี้ไหม


แม้ในองค์กรคณะสงฆ์ไทย ก็ถูกทำให้แบ่งเป็นส่วนมานับร้อยปี แต่บุรพาจารย์ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยทำให้ประคองกันมาได้ แต่ถ้าเรามุ่งหวังความเจริญต่อไปอีกหลายพันปี วันนี้เราก็ควรมาดูว่า สิ่งที่เป็นอยู่ เป็นอย่างไร คณะผู้บริหาร สมาชิก คณะสงฆ์ทั้งหลาย จะทำอย่างไร เพื่อให้พระศาสนายืนยงไป






 การแตกแยก มีผลทำให้องค์กรล่มสลาย ถ้าเราทำกลับกัน เพื่อให้องค์กรยืนยง ก็คือ การรวมกันให้มั่นคง


ในยุคก่อนนั้น คณะสงฆ์ไทยเป็นหนึ่งเดียวกัน มีเพียงนิกายเดียว แม้ว่าจะมีรสนิยม บางหมู่ ชอบเดินธุดงค์ ปฏิบัติธรรมในที่วิเวก เดินป่า ก็เรียกว่า พวกอรัญญวาสี ส่วนพวกที่ชอบที่จะศึกษาพระปริยัติ เทศนาสั่งสอน ก็เป็นคามวาสี


แต่ทั้งสองพวก ก็เป็นนิกายเดียวกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน


คณะสงฆ์ เป็นองค์กรที่มีพระสงฆ์ เป็นบุคลากร มีเป้าหมายเพื่อจะทำตนให้บริสุทธิ์ หมดกิเลส โดยการ ลด ละ เลิก ความชั่วความไม่ดี มีธรรมวินัยเดียวกัน เป็นระเบียบองค์กร ที่ถือปฏิบัติกันมาสองพันกว่าปี แค่มีปัจจัยภายนอกมาทำให้เกิดการแบ่งแยกภายในองค์กรคณะสงฆ์


เมื่อแบ่งได้ ก็น่าจะรวมกันได้ เพราะถ้าสงฆ์ทั้งหมด เห็นควรว่าสิ่งนี้ดี ก็ควรทำให้เป็นแบบอย่าง


ถ้าคณะสงฆ์ทำได้ ประชาชนก็จะทำตาม รวมกันได้ ประเทศที่ดูมีปัญหาทุกหย่อมหญ้า ก็จะสามารถฟื้นได้ในทุกด้าน


คณะสงฆ์ ต้องเป็นตัวอย่างในการนำสังคม ก็หวังว่า จะได้เห็นการรวมสงฆ์เป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นนิกายเดียวกัน เป็นคณะสงฆ์ไทยหนึ่งเดียว


วิ. ศุกร์ 13 พ.ค. 59

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ไม่ดีมา ก็ ดีไป


ภาพ. จากอินเตอร์เนท
ตอบแทนคมขวานด้วยกลิ่นหอม

คนชั่วๆ มันมาทำเรื่องชั่วๆ กับเรา

เราตอบแทนมันด้วยความชั่วยิ่งกว่า

หากแพ้ ก็มีตัวชั่วน้อยๆ เพิ่มมาอีกตัว

หากชนะ ก็มีตัวชั่วที่ยิ่งใหญ่เพิ่มมาอีกเช่นกัน

ดังนั้น จงเอาความดีชนะความชั่ว ดุจไม้กฤษณา ตอบแทนคมขวานด้วยกลิ่นหอม เพราะที่สุดแล้ว จะมีคนดี เพิ่มในสังคมนี้ มีผลที่สุดเป็นความสุข ......​จริงไหม?




จะมาเดือดร้อนด้วยทำไม


มุ่งมั่นสู่เป้าหมาย


การปีนเขา ที่ไปเป็นทีม มีเป้าหมายพิชิตยอดเขาสูงให้ได้

แม้จะลำบากยากเข็ญ
ก็พยายามฝ่าไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

แม้บางครั้งทีมที่ไปด้วย จะประสบปัญหาต้องมีคนที่ออกจากทีมไปก่อน




แม้คนที่หลุดจากทีมจะกร่นด่าว่า พวกที่ไม่ยอมเลิกเดินหน้ามุ่งสู่เป้าหมาย เพื่อให้เลิกล้มเหมือนดั่งตัว

คณะที่เดินทางต่อก็ไม่ย่อท้อ นำพาส่วนที่เหลือไปให้ถึงให้จงได้



วัดพระธรรมกาย ก็เช่นเดียวกัน 
ด้วยมโนปณิธานที่จะไปให้ถึงฝั่งพระนิพพาน เอาชนะพญามาร ประหารกิเลสให้ได้

ซึ่งเสมือนปีนเขาจากโลกนี้ไปถึงดาวเนปจูน?
ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีทางสำเร็จหรือไม่ หรือเมื่อไหร่

แต่หมู่คณะที่มีศรัทธา ในการทำความดี สั่งสมบ่มบารมี เดินทางไปในสังสารวัฏฏไม่ย่อท้อ

ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องน่าอนุโมทนายินดี  

การที่จะมีใครสักคน หรือ กลุ่ม คณะ คิดทำให้โลกนี้มีความสุข หรือ คิดจะหลุดพ้น ไปนั้น ก็เป็นเรื่องที่เป็นศรัทธาส่วนตัว ที่หลายๆ คนมาร่วมกันทำ เป็นหมู่คณะ

ส่วนใครที่ไม่ได้คิดจะไปทางนี้ หรือลองมาเดินทางด้วยกันแล้วเกิดเปลี่ยนใจ แยกทางกันไป ต่างคนต่างเดินทางของตัว เมื่อตัดสินใจแยกไปแล้ว จะมาเดือดร้อนด้วยทำไม ​--

ไม่เข้าใจ


วิ. 23 กุมภา 59
มะนาว เธอจะมาเดือดร้อนทำไม หือ ?

ศิลาจารึกดิจิตอล

ศิลาจารึก ดิจิตอล



ณ วันสุข. เดือนมาฆ เดือนแห่งความรักพระศาสนา.  ปีห้าเก้า

ข้อดีของศิลาจารึกคือ นำพาข้อความข้ามผ่านกาลเวลา ไปได้.
ข้อความในอินเตอร์เนท  ก็เช่นกัน เปรียบดั่งศิลาจารึกปัจจุบัน. ไม่ว่าเราจะมีความพยายามอย่างไร. มีพวกมากขนาดไหน หรือว่ามีอำนาจขนาดไหน ก็ใช่ว่าจะทำให้ข้อความที่เขียนขึ้นไปแล้ว จางหายไปได้


อย่างเช่น โพสของคนที่ว่าร้ายวัดเรา ที่ให้เป็นการบ้านเมื่อวาน วันนี้ก็กลับมาอีกแล้ว เป็นต้น เราไม่สามารถไปตามลบได้หมด

ดังนั้น เพิ่มส่วนดีเข้าไป วันละหมื่น วันละแสนข้อความ วันละล้านเฟสบุค จารึกไว้ในศิลาจารึกสมัยใหม่ให้ข้ามพ้นกาลเวลาไปในอนาคตเราต้องสร้างข้อมูลดีๆ ที่ยกใจ เป็นกุศลไว้มากๆ เยอะๆให้กลบคำว่าร้าย เหมือนดั่งให้น้ำใสๆ ไหลบ่าไล่น้ำเสียไปอยู่ขอบจักรวาล.

หรือ ว่าเราจะไปอยู่ขอบจักรวาลกันแทน....

วิ. 26 กุมภา 59

ปูตัวหนึ่งในคาลาแลน์

ณ  ประเทศคาลาแลนด์

สมัยนี้ การที่จะเป็นเรื่องเป็นความ ดูเหมือนจะไม่ได้ขึ้นกับเรื่องราวสักเท่าไหร่
แต่เหมือนมีปัจจัยภายนอกให้ต้องมานั่งคิดแล้วคิดอีก

บางเรื่องขึ้น  ศาลตัดสินแล้ว จบแล้ว ก็เอามาว่ากันใหม่   จะให้เอาผิดให้ได้ มันแปลกจริงๆ นะ ประเทศคาลาแลนด์ เนี่ย ทำให้นึกถึงเรื่องเก่าๆ มีเรื่องเล่ามายาวนานถึงคน  รักษาหน้าตาว่าเป็นคนดี...

คนดี วันหนึ่งพ่อคนดีนี้ อยากทานปู บังเอิญไปได้ปูมาหลายตัวอยู่ จะฆ่าแกงเอง ก็จะเสียมาตรฐานคนดี จะปล่อยก็เสียดายเพราะอยากกิน

ก็เลยคิดอุบายคนดี ว่า เอาไม้วางพาดปากหม้อที่น้ำกำลังเดือด แล้วก็บอกปูทั้งหลายว่า ถ้าเดินข้ามไปได้ จะไปปล่อยถือว่ายังไม่ถึงฆาต  แต่ถ้าเดินตกไปก็ไม่เกี่ยวกะเค้าเพราะ เดินไม่ระวังเอง  คนดีจริงๆ

ปูก็ไม่รู้เรื่องอะไร แต่เมื่อถูกวางบนไม้ เห็นน้ำเดือดขนาดนั้น ก็เดินระวังๆ แต่ลักษณะทางกายภาพของปู มันก็เก้งก้าง ระวังอย่างไง ก็ตกลงไปบ้าง รอดไปบ้าง

สุดท้าย ปูตัวใหญ่ ใหญ๋ ใหญ่ สีสรร ชวนให้น้ำลายหก   จะโยนลงน้ำเลย ก็จะเสียคนดี  คนดีก็เลยปล่อยให้เดิน ปูก็ระวังตัวเดินไปตามที่คนดีวางแนว เอ้ย วางไม้ไว้ เดินไปจนสุดกระบวนฏีกา ก็สามารถผ่านไปได้

คนดี..เห็นอย่างนั้น คิดได้ทันทีว่า อืมม ตัวนี้ตัวโต เอาเปรียบเพื่อน ต้องเริ่มคดี เอ้ย เริ่มเดินใหม่ว่า แล้ว ก็หยิบมาวางให้เดินใหม่....​คนดีจริงๆ

วัดใหญ่ หรือ ปูใหญ่ ก็คงใกล้เคียงกัน เอ้า เดินกันไป

วิ. 27 กุมภา 59

สยามหมดยิ้ม

สยามหมดยิ้ม
เกิดมาในยุคที่มี วงคาราบาวมาร้องเพลงให้ฟัง  มีเพลงหลายเพลงที่ชอบมาก ชอบน้อย ชอบปานกลาง แต่มีอยู่เพลงหนึ่งวนๆ เวียนๆ อยู่ในหัวช่วงนี้ไม่รู้เป็นไง

" แผ่นดินกว้างใหญ่ละไม่ไปเกิด ซวยต่อไปเถิด เกิดเป็นคนไทย"  ....​  

แหม มันช่างตรงซะนี่กระไร  ตัดพ้อ ไปถึงไหนต่อไหน  เมืองไทยวันนี้ หันไปทางไหนก็สิ้นหวัง คือ ไม่รู้จะหวังอะไร

ขนาดความหวัง ยังไม่รู้จะหวังอะไร

แม้จะมีพระสงฆ์องค์เจ้า เป็นศูนย์รวมจิตใจ  แต่เราก็ยังชอบที่จะเชื่ออย่างอื่น

วันนี้  .. พระโค  ที่ทุกปีเคยให้ความหวังกับชาวไร่ชาวนา แทนการพยากรณ์อากาศกรมอุตุฯ   ปีนี้ ก็ผลทำนายออกมา ถ้าเป็นไปตามนั้น ก็เป็นผลดีกับชาวนาชาวไร่ พืชพันธุ์ น้ำท่า พอสมควร

แต่ ณ ขณะนี้ เมืองไทย ที่เคย " ใหญ่อุดม ดินดีสม เป็นนาสวน" ตอนนี้ ก็แล้งแล้วแล้งอีก ร้อนแล้วร้อนอีก  "บ้านเขามันแล้ง ดินแตกระแหง"

ปีนี้ น้ำในเขื่อน ในแม่น้ำ ก็แห้งขอดไปหมด นี่เพิ่งเดือนห้า ฝนยังไม่มา  ครึ่งปีหลังจะอย่างไงกัน

การบ้าน การเมือง การวัด ก็ร้อนกันไปหมด  หน้าที่ใครทำอะไร ก็วุ่นวน สับสน

ระบบนิเวศน์เสียหาย อากาศดินฟ้าวิปริต ข้าวปลาอาหารก็เสื่อมคุณภาพ คนก็ป่วยมากขึ้น
ระบบครอบครัวก็วุ่นวาย พ่อ แม่  ต้องไหว้ลูกขอให้มันทำงานทำการ  ปู่ย่าตายายถูกทิ้ง  เด็กสาวๆ หนุ่มเล็กน้อย ก็สับสนชีวิต
ระบบการเมือง คนมีความรู้ ความสามารถ ก็หนีไม่อยากมาเปลืองตัว ต้องเอาคนหนุ่มๆ ไม่มีประสบการณ์มา บ้านเมืองก็ลำบาก
ระบบตุลาการก็วุ่นวายสับสน  โจรขโมยชุกชม ยาเสพติดมากมาย หน่วยงานแทนที่จะมุ่งเน้นไปที่ความสงบสุขของสังคม จัดการกับผู้ร้ายให้มันหมดไป กลับไม่ทำ  แต่กลับมาไล่จับพระในวัดให้วุ่นวาย  ออกสื่อขู่ฟอดๆ ทุกวัน จะจับ จะทึ้ง จะเอาให้อย่างนั้นอย่างนี้  น่ากลัวจุง!
ระบบเศรษฐกิจ ก็พังหมด ตรงไหน ที่ขาดก็ขาดอยู่อย่างนั้น ตรงไหนมีก็มีแล้วมีอีก ไม่ทั่วถึง
ระบบวิชาการ การเรียนการสอน ก็บิดเบี้ยว จบมัธยมแล้วก็ยังอ่านหนังสือไม่แตก คิดอะไรก็คิดไม่เป็น ทำยิ่งไปกันใหญ่  ครูบาอาจารย์ก็สอนเด็กไม่ได้  คนมีความรู้ ก็ไม่สามารถ มาให้ความเห็นกับสังคมได้  ความเชื่อในสังคม คนพูดดี พูดถูก ก็ไม่มีใครเชื่อ

คนบ้าๆ ครึ่งคนครึ่งบ้า  พูด อะไร ก็แห่แหนกัน ยกย่องกัน  ผิดศีลผิดธรรมอย่างไงก็ มีให้เห็น

ดีเป็นเลว
เลวเป็นดี
ถูกเป็นผิด
ผิดเป็นถูก

ทุกชาติพยายามพัฒนาเดินหน้าไป  แต่ไหง สยามประเทศเราถึงได้วิ่งถอยหลังอย่างนี้

เห็นว่า  ปฏิรูปนะ...​ แต่ขออย่างเดิมได้ไหม


วิ.9 พฤษภา 59