วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

May day

May  day!  May  day!  นี่เหรอเมืองพุทธ!

อาตมาบวชมา 30 กว่าปี มาบวชตั้งแต่ถนนเป็นดิน มีแต่ท้องนา พระทั้งวัดมีแค่ สิบกว่าองค์อยู่เรียนรู้คำสอนพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความรักเคารพ ผ่านทางครูผู้สอน หนังสือคัมภีร์  พระไตรปิฎก ทบไปทวนมา ความเข้าใจในระดับคนทั่วไปมันก็รู้สึกไม่เหมือนเดิมในทุกปี เหมือนนักวิทยาศาตร์ที่ทดลองวัดผล ค้นคว้า มันก็ยิ่งมีความรู้ ความเชื่อในสิ่งที่กำลังทำมากขึ้น

สมาธิ ก็เช่นเดียวกัน ตั้งแต่บวชวันแรกก็เริ่มรู้จักการเจริญสมาธิ ภาวนา ได้อาศัยครูบาอาจารย์ ช่วยขัดเกลา  อบรมสั่งสอน ประคับประคอง  
  แม้ว่าสมาธิ จะเป็นเรื่องส่วนตัว ใครทำใครรู้ ใครทำใครได้ แต่ก็ต้องอาศัยการเรียนแนะนำจากครู อาจารย์  ถ้าใครบุญดี ก็จะพบเจออาจารย์ที่เราถูกจริต สามารถชี้แนะเราได้ ยอมตนเป็นศิษย์ อย่างหมดใจ เพราะท่านชี้ทางสว่างของชีวิตให้  

การอยู่ในวัดเดียวกัน กับครูอาจารย์ที่คอยเคี่ยวเข็ญ เราก็มองดูท่านเป็นแบบอย่าง ปฏิบัติตามที่ท่านทำที่ท่านสอน ศิษย์ของท่านมากมาย ท่านจึงอยู่ในสายตาของศิษย์ เกือบตลอดเวลา

วัดก็ขยายไปเรื่อยๆ คนก็มากขึ้นเรื่อยๆ เวลาของท่านที่ต้องแบ่งให้กับศิษย์ก็ต้องถูกแบ่งไปเรื่อยๆ   แต่เราก็ไม่เคยเห็นว่าข้อวัตรปฏิบัติของท่านจะลดลง กลับมุ่งเน้นเรื่องกรรมฐาน ธรรมปฏิบัติยิ่งๆขึ้น  

ท่านสร้างวัดนี้ วัดก็ขยายไปเจริญเติบโตไป  วันหนึ่งมีคนมาบอกว่าท่านโกงวัด  พวกเราก็เริ่มงง ว่าทั้งชีวิตหลวงพ่อสร้างวัด สร้างคน ทำนุบำรุงพระศาสนามาตลอด ตอนนี้โดนแกล้งด้วยคำว่า โกงวัด   ศิษย์ทั้งหมดก็แค่ขำๆกับคำกล่าวหาว่าไร้สาระ  

คนทำงานมาทั้งชีวิต สร้างบ้านเรือน ให้ลูกหลาน กลับโดยข้อหาโกงบ้าน  มีที่ไหน.งง

แต่ไร้สาระกลับไม่ไร้สาระ เพราะสิ่งที่เค้าว่าเป็นการเริ่มต้น การกลั่นแกล้งหลวงพ่อ ทำคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล เอาหน่วยงานรัฐมาพาหลวงพ่อไป พวกเราเชื่อมั่นในความดี ก็คิดว่าคนอื่นเค้าคงเห็นความดีของครูเราบ้าง 

แต่กลับเป็นว่า การยินยอมทำตามเจ้าหน้าที่รัฐนั้น เอาท่านไปตรวจอย่างไรไม่ทราบ เอาอะไรสอดเข้าไปในคอท่าน ใส่อะไรไปก็ไม่ทราบ กลับวัดมา ท่านก็อาเจียนเป็นเลือดเต็มอ่างล้างหน้า พูดไม่มีเสียงถึงเจ็ดเดือน โรคต่างๆก็กำเริบ  แข้งขาก็บวม น้ำตาลเบาหวาน มาหมด จากหลวงพ่อที่แข็งแรง ก็กลายเป็นพระผู้เฒ่าที่โดนแดดโดนลมไม่ได้ หนาวสะท้าน อากาศแบบไหนก็ต้องห่มผ้า ห่อตัวตลอด 

แม้กระนั้น ท่านก็ให้ความร่วมมือกับภาครัฐทุกอย่าง ไปขึ้นศาลนั่งฟังเรื่องราวทุกสัปดาห์  7 ปี ไม่เคยขาดเลย  

ผลออกมาก็คือ ไม่มีอะไร ไม่มีผิด  เลิกๆกันไป  ก็ง่ายดี

ผ่านมา 17 ปี พวกเราก็เรียนรู้ได้ว่า หลวงพ่อเราก็เป็นแค่เหยื่อ   เหยื่อของเรื่องราวทางการเมือง เอาวัด  เอาหลวงพ่อเราประวิงเวลา เบี่ยงเบนความสนใจ  หรือแค่ขายข่าว 

มาวันนี้วัฏฏจักรก็หมุนมาทับรอบเดิม  มาแนวเดิม จะมาพาหลวงพ่อไปอีก เรื่องก็เดิมๆ ไม่มีมุขใหม่ 

คราวนี้เราก็รู้แก่ใจว่า ถ้าหลวงพ่อเรายอมไปคราวนี้ คงไม่มีคราวหน้า ไม่มีวัด ไม่มีพวกเรา เพราะจะไม่เหลือหลวงพ่อของเรากลับมา  

ครั้งนี้จึงเป็นไงเป็นกัน เราไม่ได้เป็นเด็กดื้อ ไม่ได้อยู่นอกกฏหมาย เพียงแต่เราหมดความหวังในความยุติธรรมประเทศไทย หมดความศรัทธาในหน่วยงานต่างๆของรัฐ 

เราก็แค่หวังลมๆแล้งๆไปวันๆว่า ประเทศนี้จะเข้าสู่ความศิวิไล เทียมนานาอารยประเทศในวันอันใกล้ พอที่จะพาลมหายใจเราไปถึง

อะไรจะเกิดก็คงเกิด เกิดมาชาตินึงขอแทนคุณพระศาสนาครูบาอาจารย์

จึงเรียนมาเพื่อทราบ โอกาสนี้
วิโร

  May  day
  1 พค 59


4 ความคิดเห็น:

  1. ว่าอย่างไร.... ว่าตามกัน รวมกันเราอยู่ .....ตายหมู่เราก็ยอม...สู้ก็ตาย ไม่สู้ก็ตาย...สู้ดีกว่านะ..

    ตอบลบ
  2. อ่านกี่ทีก็สะเทือนใจทุกที สงสารหลวงพ่อจังเลย

    ตอบลบ
  3. แต่คิดอีกทีคนที่น่าสงสารที่สุดคือคนกระทำร้ายท่านมากกว่า ไม่รู้ว่าผลกรรมจะรุนแรงเกิดกับพวกเขาแค่ไหน อันตรายจะเกิดแกผู้ทำอันตรายผู้ไม่ทำอันตราย น่ากลัวจริงๆขอบอก กฎแห่งกรรมใครทำเช่นใดผลย่อมได้เช่นนั้น

    ตอบลบ
  4. แต่คิดอีกทีคนที่น่าสงสารที่สุดคือคนกระทำร้ายท่านมากกว่า ไม่รู้ว่าผลกรรมจะรุนแรงเกิดกับพวกเขาแค่ไหน อันตรายจะเกิดแกผู้ทำอันตรายผู้ไม่ทำอันตราย น่ากลัวจริงๆขอบอก กฎแห่งกรรมใครทำเช่นใดผลย่อมได้เช่นนั้น

    ตอบลบ