วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เรื่องที่ไม่มีวันจบ

เรื่องที่ไม่มีวันจบ

สมัยเรียน มีหนังสือภาษาอังกฤษอ่านนอกเวลา มีเรื่องสั้น ที่ชื่อไม่สั้น เรื่องหนึ่ง อ่านผ่านมาแล้วเกือบสี่สิบปียังจำได้  เรื่องแปลเป็นไทยว่า เรื่องที่ไม่มีวันจบ  ( Never ending story)  แต่เป็นคนละเรื่องกับที่เป็นนิยายขายดี ของ Michael Ende นักเขียนเยอรมันที่นำมาสร้างเป็นภาพยนต์

เรื่องที่อ่านนอกเวลานี้ เนื้อเรื่องสั้นมาก แต่ยาวมาก....​เอ  อย่างไงกัน งั้นลองฟังดู

เรื่องมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว   มีชายสามคน นั่งอยู่เชิงเขา พวกเขานั่งล้อมวง อยู่รอบกองไฟ.....
แล้วชายคนหนึ่ง ในนั้น ก็พูดว่า  กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว  มีชายสามคน นั่งอยู่เชิงเขา พวกเขานั่งล้อมวง อยู่รอบกองไฟ.....

แล้วชายคนหนึ่ง ในนั้น ก็พูดว่า  กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  มีชายสามคน.........ฯลฯ

ป่านนี้ ชายสามคนนั้น ก็คงยังคุยกันไม่จบ ไม่ไปไหน อยู่อย่างนั้น

ไม่รู้กรรมเวรอะไรของสยาม  ที่มาเจอเรื่องทำนองนี้ ในบ้านนี้เมืองนี้

การเมือง ก็วน ๆ เวียนๆ  กาลครั้งหนึ่ง  เลือกตั้ง  แย่งตำแหน่ง แบ่งพวก รัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญ  
แล้วก็ เลือกตั้ง  แย่งตำแหน่ง แบ่งพวก รัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญ  
เลือกตั้ง  แย่งตำแหน่ง แบ่งพวก รัฐประหาร ร่างรัฐธรรมนูญ  .... วนเวียนนิรันดร์  


ช่วงระหว่างที่รอ มารอบนี้ คงคิดถึงคนดูเพื่อไม่ให้เบื่อมากนัก จึงนำความแปลกใหม่ มาให้
เลยถนนการเมือง แยกมาเข้าวัด แต่มิใช่ มาสงบสติอารมณ์ หาทางออก จากวนเวียน

แต่มาหาเรื่องพระ หาเรื่องวัดโดยแท้

ตอนนี้ เค้าคิดได้ว่า มันต้องสร้างความแปลกใหม่ เอาใจกองเชียร์​  แต่ก็อยากส่งข้อความไปถึง กองเชียร์ ด้วยว่า

กาลครั้งนี้
#เราโดนรังแก ถ้าไม่มาช่วยกัน
อย่างนั้นสักวันหนึ่งคุณก็จะเจอเอง
เจ้าหน้าที่รัฐอยู่ได้ด้วยภาษีของประชาชน
ถ้ามาทำกับพระได้
อย่างนี้ทำกับใครก็ได้
 ถ้าเราไม่ช่วยกันตอนนี้ ต่อไปจะลำบากกันทั้งแผ่นดิน
เพราะมันได้มีต้นแบบเกิดขึ้นมาแล้ว
คุณที่ดูอยู่เฉยเฉยๆจะเดือดร้อน
เพราะต่อไปความอยุติธรรมนี่จะเป็น
โรคระบาด
โรคติดต่อ
 ห่วงคนในแผ่นดินนี้

คุณทำให้ถูกใจ แต่ไม่ถูกศีลธรรม
#ฆ่าผู้บริสุทธิ์
ทำร้ายให้บาดเจ็บ
สิ่งนี้จะเป็นตราบาปติดตัวคุณ
คนอยู่วัดคือผู้มีศีล เขาไม่คิดร้าย พูดร้าย ทำร้าย
เขากำลังมาทำความดี ปลูกศีลธรรมในใจ

ปากกระบอกปืน อย่าเอามาใช้กับคนมีศีลธรรม

เรามาร่วมกันเรียกร้องความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น จะดีไหม

ให้สยามเมืองยิ้มเป็นดินแดนในอุดมคติ

ให้เรามาช่วยกันทำสิ่งนี้ดีกว่า ต้องทำให้ดีกว่าเดิม
 ไม่ใช่แย่กว่าเดิม

เราปลีกวิเวกตามแบบฉบับของพระ ที่อยู่ในป่าในเขา

ก็มาหาว่าเราลึกลับ

เพราะเราไม่สนใจโลกอันเร่าร้อน เราอยู่ในโลกแห่งความสงบเย็น
แต่ก็อย่างว่า วันนี้ถึงความจำเป็น ก็คงต้องออกมาชี้แจงแถลงไข
โปรดอย่าระแวงเลย


เรามีคนมาวัดล้าน ก็ไปทำให้ได้ 5 ล้าน 10 ล้านก็จบ
เราก็ไม่เคยไปขัดขวางมีแต่โมทนา
แต่เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครทำ เราก็เลยลุกขึ้นมาทำ

.................@@@................

ก็ฝากไปให้กองเชียร์นะครับ ว่า เรามันลงเรือลำเดียวกัน ไม่ว่าจะอย่างไง เมื่อเค้าจุดไฟเผาพวกเรา เจาะเรืออยากให้เราจม ถ้าเราจม พวกคุณคิดเหรอว่า จะไม่จมไปด้วยกัน

เรื่องแบบนี้ มันเหมือนเรื่องสั้น แต่ มันไม่มีวันจบแน่นอน  จนกว่าความยุติธรรม จะกลับคืนมา
ถ้าพวกเราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคม  เป็นพี่  เป็นน้อง เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นคนรอบๆ ตัวคุณ แต่โดนรังแกขนาดนี้ คุณก็ยังทำไม่รู้ไม่เห็น

ช่างมัน

ระวังเรื่องนี้ มันจะไม่มีวันจบ ..
วิ.๒๑ พ.ค. ๕๙  ( บางส่วนถอดมาจากคำรำพึง)

9 ความคิดเห็น:

  1. เป็นเรื่องที่ให้คติเตือนใจดีครับขอบคุณมากครับ

    ตอบลบ
  2. อ่านแล้วสะท้อนใจ ใครยังนิ่งเฉย ก็พอซะทีเถอะ ถ้าเราไม่ช่วยกันในครั้งนี้ แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลาที่จะแสดงพลังบริสุทธิ์ได้อีก ถ้าเวลาผ่านไป คงไม่ย้อนคืน เป็นกำลังใจให้ทีมงานค่ะ

    ตอบลบ
  3. เรื่องนี้ควรจะจบที่รุ่นของเรา สิ่งใดเกิดแต่เหตุให้ดับที่เหตุ เช่น ถ้าเกิดที่ DSI ให้ดับที่ DSI

    ตอบลบ
  4. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  5. เรื่องนี้ควรจะจบที่รุ่นของเรา พระพุทธองค์ตรัสว่า "สิ่งใดเกิดแต่เหตุให้ดับที่เหตุ" เช่น ถ้าเกิดที่ DSI ให้ดับที่ DSI

    ตอบลบ
  6. เรื่องนี้ควรจะจบที่รุ่นของเรา พระพุทธองค์ตรัสว่า "สิ่งใดเกิดแต่เหตุให้ดับที่เหตุ" เช่น ถ้าเกิดที่ DSI ให้ดับที่ DSI

    ตอบลบ
  7. ขอให้บุญรักษา แก่ผู้สร้างความดี

    ตอบลบ
  8. พลังเงียบ หรือพลังง่อย สังคมทุกวันนี้ ย่อมเหนื่อยกับการเมืองที่หาสาระไม่ได้จนในที่สุด ก็มายอมนิ่งกับการปกครองที่กดขี่ข่มเหงได้อย่างราบคาบ เพียงเพราะว่ากูไม่ได้มึงก็อย่าหวังจะได้ ตาอยู่นั่งกระยิ่มยิ้มย่อง สบายอุราจังเอย

    ตอบลบ